ฤดูร้อนปีนี้ ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงถึง 45 องศาฯ ดังนั้นจึงทำให้เกิดอาการฮีตสโตรก หรือโรคลมแดดได้ง่ายๆ แถมยังอันตรายถึงชีวิตอีกด้วย สาเหตุของฮีตสโตรกเกิดจากอะไร สามารถป้องกันได้หรือไม่

ฮีตสโตรกเกิดจากอะไร

ฮีตสโตรก (Heatstroke) หรือโรคลมแดด เกิดจากภาวะที่ความร้อนในร่างกายสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ระบบประสาททำงานผิดปกติ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการเหล่านี้ในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด หากไม่รู้เท่าทันอาการ และวิธีป้องกันที่ถูกต้อง อาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยสาเหตุของการเกิดฮีตสโตรก มีดังต่อไปนี้

  1. อุณหภูมิที่สูงเกินไป
  2. การใส่เสื้อผ้าหนาเกินไป ไม่สามารถระบายอากาศได้ดี
  3. ออกกำลังกายอย่างหนักและต่อเนื่อง
  4. ร่างกายปรับตัวไม่ทัน เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง
การทำงานกลางแดดหรือในที่อุณหภูมิสูงเป็นเวลานานเป็นสาเหตุของการเกิดโรคฮีตสโตรกได้ (ภาพจาก iStock)
การทำงานกลางแดดหรือในที่อุณหภูมิสูงเป็นเวลานานเป็นสาเหตุของการเกิดโรคฮีตสโตรกได้ (ภาพจาก iStock)

...

นายแพทย์จิรภัทร โล่ห์ประธาน อายุรแพทย์เวชบำบัดวิกฤต โรงพยาบาลเวชธานี เผยว่า “ฮีตสโตรก” (Heatstroke) หรือโรคลมแดด เป็นโรคที่พบได้บ่อยในช่วงฤดูร้อน โดยเกิดจากการที่ร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป ทำให้ความร้อนในร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกายได้ทัน จนส่งผลกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิตและระบบสมอง

อาการของโรคฮีตสโตรก

ผู้ที่มีอาการของโรคฮีตสโตรก จะมีลักษณะดังต่อไปนี้

  1. หน้ามืด ปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ
  2. มีอาการชักเกร็ง
  3. เป็นลมหมดสติ
  4. ต่อมเหงื่อทำงานผิดปกติ เหงื่อออกมาก หรือไม่มีเหงื่อออก
  5. อุณหภูมิร่างกายสูง ไข้ขึ้น

ถ้าหากตนเองหรือคนรอบข้างมีอาการเหล่านี้จะต้องหยุดพักทันที ดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อทดแทนภาวะขาดน้ำ นอกจากนี้ควรทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นผู้ที่มีอาการโรคฮีตสโตรก เพื่อลดอุณหภูมิในร่างกาย ด้วยวิธีต่อไปนี้

  • นำผู้ป่วยเข้ามาในที่ร่ม ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
  • ให้นอนราบ ยกเท้าและสะโพกสูง
  • คลายเสื้อผ้าให้หลวม ถอดเสื้อผ้าออกเท่าที่จำเป็น
  • ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัว ซอกคอ รักแร้ และศีรษะ ร่วมกับใช้พัดลมเป่าระบายความร้อน
  • เทน้ำเย็นราดลงบนตัวเพื่อลดอุณหภูมิร่างกายให้ลดต่ำลงโดยเร็วที่สุด

หลังจากนั้นรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที ห้ามฝืนตัวเองเด็ดขาด เพราะจะทำให้นำไปสู่การเกิดอาการเกร็งกล้ามเนื้อ ชัก หมดสติ หัวใจหยุดเต้น และถึงแก่ชีวิตได้

กลุ่มเสี่ยงโรคฮีตสโตรก

ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคฮีตสโตรกได้มากที่สุด คือ

  1. ผู้สูงอายุ
  2. เด็ก
  3. ผู้ที่อดนอน หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
  4. ผู้ที่ดื่มเหล้าจัด
  5. ผู้ที่ทำงานในสภาพอากาศที่ร้อนชื้น
  6. นักกีฬา
  7. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคอ้วน
ผู้สูงอายุและผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอหรือมีโรคประจำตัวคือหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังของโรคฮีตสโตรก (ภาพจาก iStock)
ผู้สูงอายุและผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอหรือมีโรคประจำตัวคือหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังของโรคฮีตสโตรก (ภาพจาก iStock)

วิธีป้องกันโรคฮีตสโตรก

นายแพทย์จิรภัทร กล่าวถึงแนวทางการป้องกันโรคฮีตสโตรกว่า ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในสภาพอากาศร้อนจัด หรือกลางแจ้งเป็นเวลานานๆ หากสามารถเลี่ยงได้ ควรเลือกเวลาที่ต้องการทำกิจกรรม เช่น ช่วงเช้ามืด หรือระหว่างพระอาทิตย์ตกดิน, หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดภาวะร่างกายขาดน้ำ เช่น เครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน กาแฟ เหล้า เบียร์ เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้จะทำให้เสียน้ำทางปัสสาวะในปริมาณสูง, เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ไม่ควรอยู่ในที่อากาศร้อนและไม่ควรอยู่ตามลำพัง, ดื่มน้ำให้มากขึ้นและเพียงพอในแต่ละวัน

...

การดื่มน้ำบ่อยๆ และสวมใส่เสื้อผ้าที่ช่วยระบายอากาศได้ดี จะช่วยป้องกันการเกิดโรคฮีตสโตรกได้ (ภาพจาก iStock)
การดื่มน้ำบ่อยๆ และสวมใส่เสื้อผ้าที่ช่วยระบายอากาศได้ดี จะช่วยป้องกันการเกิดโรคฮีตสโตรกได้ (ภาพจาก iStock)

กรณีออกกำลังกายหรือทำงานใช้แรง ควรดื่มน้ำ 2-4 แก้วทุกชั่วโมง และสวมเสื้อผ้าที่เนื้อผ้าเบาบาง ระบายอากาศได้ดี และไม่รัด หากรู้ตัวว่าจะต้องไปอยู่ในที่อากาศร้อนควรป้องกันตัวเองจากแสงแดด โดยสวมใส่แว่นกันแดดหรือหมวก ส่วนใหญ่แล้วโรคลมแดดเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยการรักษาสุขภาพ และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคลมแดดที่ถูกต้อง

ข้อมูลอ้างอิง : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย