รู้หรือไม่ว่า “สัญลักษณ์วันคริสต์มาส” ที่เราเห็นกันบ่อยๆ ในช่วงสิ้นปีไม่ได้มีแค่ความสวยงามตามเทศกาลเท่านั้นแต่ยังแฝงด้วยความหมายดีๆ ที่น่าสนใจอีกด้วย
ความหมายของสัญลักษณ์วันคริสต์มาส
ซานตาคลอส (Santa Clause)
หนึ่งในสัญลักษณ์วันคริสต์มาสอันดับต้นๆ ที่หลายคนนึกถึงคือลุงซานตาคลอสผู้ใจดีในชุดสีแดงที่มาพร้อมรถเลื่อน และกวางเรนเดียร์ มาแจกของขวัญให้กับเหล่าเด็กๆ โดยเชื่อกันว่าซานตาคลอสจะทำรายชื่อเด็กทั่วโลก พร้อมแบ่งประเภทของเด็กดีและเด็กดื้อออกจากกัน และในกลางดึกวันคริสต์มาส ซานตาคลอสจะแอบเข้าไปในบ้านที่มีเด็กดีทางปล่องไฟ เพื่อนำของขวัญไปใส่ในถุงเท้าที่แขวนรอไว้หน้าเตาผิง รวมทั้งของเล่นและลูกกวาด ขณะที่เด็กดื้อจะได้รับถ่านหินแทนของขวัญกับขนมเหมือนเด็กดี
ต้นคริสต์มาส (Christmas Tree)
นอกจากซานตาคลอสแล้ว ต้นคริสต์มาส คือตัวแทนสัญลักษณ์วันคริสต์มาสที่เห็นปุ๊บก็เข้าใจได้ทันทีว่าเทศกาลแห่งความสุขนี้กำลังเริ่มขึ้นแล้ว โดยในสมัยโบราณนั้น ต้นคริสต์มาส หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ที่อาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากินและทำบาปไม่เชื่อฟังพระเจ้า โดยตามพระคัมภีร์นั้นได้เปรียบพระเยซูเจ้าเสมือนเป็นต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เขียวเสมอในทุกฤดูกาล สื่อถึงนิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า อีกทั้งความสว่างของพระองค์ยังเหมือนแสงเทียนที่ส่องสว่างในความมืด และรวมถึงความชื่นชมยินดี และความสามัคคี ที่พระเยซูประทานให้ เพราะต้นไม้นั้นเป็นจุดศูนย์รวมของครอบครัวในเทศกาลคริสต์มาส
...
ตุ๊กตานัทแครกเกอร์ (Nutcracker Doll)
ตุ๊กตานัทแครกเกอร์ เป็นตุ๊กตาไม้ที่มีลักษณะเหมือนทหาร มักนิยมนำมาใช้ประดับหรือตกแต่งในวันคริสต์มาส จึงเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์วันคริสต์มาสด้วยเช่นกัน ซึ่งมีต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี ที่มีความเชื่อว่า ตุ๊กตานัทแครกเกอร์ เป็นสัญลักษณ์ที่นำความโชคดีมาให้ครอบครัว และปกป้องบ้านของเราให้ห่างไกลจากภูติผีปิศาจ โดยความเชื่อนี้เริ่มต้นมาจาก E.T.A. Hoffmann นักเขียนชาวเยอรมัน ที่ได้ประพันธ์นิยายเรื่อง The Nutcracker and the Mouse King ซึ่งเนื้อเรื่องนั้นเกี่ยวกับตุ๊กตานัทแครกเกอร์ที่มีชีวิต ได้ต่อสู้กับราชาหนู จากนั้นได้มีการนำนิยายนี้มาดัดแปลงเป็นการแสดงบัลเลต์ “Nutcracker Suite” ที่โด่งดังไปทั่วโลก
พวงมาลัยคริสต์มาส (Christmas Wreath)
พวงมาลัยคริสต์มาส คือสัญลักษณ์วันคริสต์มาสที่มักนำมาประดับหน้าประตูบ้าน เพื่อระลึกถึงมงกุฎหนามบนศีรษะของพระเยซู และเชื่อว่าสัญลักษณ์นี้ปกป้องบ้านเรือนจากพลังชั่วร้าย และนำโชคดีมาให้ผู้ประดับอีกด้วย ส่วนใบและลูกต้นฮอลลี่ (Holly Tree) ที่นำมาทำเป็นพวงมาลัยคริสต์มาส หรือนำมาทำต้นคริสต์มาส โดยลักษณะของลูกฮอลลี่มีสีแดงและมีพิษ จึงเป็นสัญลักษณ์ของเลือดของพระเยซูที่ไหลหยดจากไม้กางเขน สีแดง และสีเขียว ของฮอลลี่ เป็นสัญลักษณ์ของความรักและศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า
ระฆัง และกระดิ่ง บนต้นคริสต์มาส (Christmas Bell)
สำหรับระฆังและกระดิ่งบนต้นคริสต์มาส มีความเชื่อในตำนานว่าจะมีเสียงกระดิ่งดังกังวานในคืนวันคริสต์มาสอีฟ (24 ธันวาคม) เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองพระเยซูประสูติ สัญลักษณ์ของการตีระฆังในคืนวันคริสต์มาสจึงหมายถึงการลดพลังงานความมืด ปัจจุบันหมายถึงการป่าวประกาศว่าใกล้ถึงเทศกาลรื่นเริง และจำลองนำระฆังมาประดับต้นคริสต์มาสเรื่อยมา
ดอกไม้คริสต์มาส (Christmas Flower)
...
ดอกไม้คริสต์มาส หรือดอก Poinsettia ซึ่งเป็นดอกไม้สัญลักษณ์วันคริสต์มาส ในตำนานของเม็กซิกันเล่าว่ามีเด็กสาวชาวไร่ผู้ยากจนคนหนึ่งกังวลว่าตนไม่มีของขวัญมอบให้พระแม่มารีในวันคริสต์มาสอีฟ และเธอก็ไปด้วยตัวเปล่า ระหว่างการเดินทางเธอได้พบกับนางฟ้าตนหนึ่งซึ่งบอกให้เธอเก็บเมล็ดพืช ซึ่งเธอก็ทำตาม และแล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น เมล็ดพืชเหล่านั้นได้เจริญเติบโตและเปลี่ยนไปเป็นดอกไม้สีเลือดหมูสดใส ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดอก Poinsettia ก็ได้รับความนิยมใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่งภายในโบสถ์ และในบ้านในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
ดาวบนต้นคริสต์มาส (Christmas Star)
ดาวบนต้นคริสต์มาส มีที่มาอยู่ 2 ตำนานความเชื่อ ตำนานแรกเรียกว่าดาวของดาวิด (Star of David) เป็นสัญลักษณ์ที่นิยมในตะวันออกกลาง เชื่อว่ามีอำนาจพิเศษเพื่อขับไล่ภูตผีปิศาจ อันเป็นความเชื่อเดิมตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาลในกลุ่มยาวยิว ตำนานที่สอง เชื่อว่าในอดีตช่วงเวลาที่พระเยซูประสูติ โหราจารย์ได้มองเห็นดวงดาวที่สุกไสวบนท้องฟ้า จึงออกเดินทางตามหาดาวดวงนั้น จนไปพบสถานที่ประสูติของพระเยซูที่เมืองเบธเลเฮม จึงเป็นสัญลักษณ์ของการเสด็จลงมาประสูติบนโลกมนุษย์ของพระเยซู เรียกดาวดวงนี้ว่า Star of Bethlehem
ของขวัญคริสต์มาส (Christmas Gift)
...
ของขวัญคริสต์มาส ได้กลายเป็นสัญลักษณ์วันคริสต์มาสที่เป็นธรรมเนียมสืบต่อกันมายาวนานสำหรับผู้นับถือศาสนาคริสต์ เนื่องจากวันคริสต์มาสเป็นวันแห่งการระลึกและเฉลิมฉลองให้กับความรักอันบริสุทธิ์และความเสียสละของพระเยซู ตลอดจนความรักและการให้ที่ไม่มีสิ้นสุด ซึ่งการให้ของขวัญแก่กันและกันจึงเป็นการแสดงออกถึงความปรารถนาดี
ต้นมิสเซิลโท (Mistletoe)
ต้นมิสเซิลโท เป็นสัญลักษณ์วันคริสต์มาสที่มีความเชื่อส่งต่อกันมาของชาวเคลท (Celtic) ในยุโรปว่าในทุกๆ หน้าหนาว จะมีหนึ่งคืนที่กลางคืนยาวกว่ากลางวัน หรือที่เรียกว่า “เหมายัน” ชาวเคลทนำต้นมิสเซิลโทเป็นสัญลักษณ์ของการมีชีวิต และฮอลลีที่สื่อถึงการปกป้องคุ้มครองมาห้อยไว้หน้าประตูบ้าน เพราะเชื่อว่าจะทำให้สามารถป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ได้ ถูกทำมาต่อๆ กันจนกลายเป็นอีกประเพณีวันคริสต์มาสไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังเชื่ออีกว่าผู้ชายจะถือโอกาสจุมพิตหญิงสาวที่ชอบหรือหมายปอง ใต้ต้นมิสเซิลโท หากสาวๆ ปฏิเสธ ก็จะได้รับความโชคร้ายตลอดทั้งปี และนี่ก็คือที่มาว่าหากได้จุ๊บกับคนรักใต้ต้นมิสเซิลโทแล้วจะทำให้ความรักยาวนานตลอดไปนั้นเอง
...
จะเห็นได้ว่าความหมายของสัญลักษณ์วันคริสต์มาสล้วนมีต้นกำเนิดมาจากศาสนาคริสต์ เนื่องจากวันคริสต์มาส เป็นการฉลองวันประสูติของพระเยซูผู้เป็นศาสดาสูงสุดของศาสนาคริสต์ จึงเป็นวันฉลองที่มีความสำคัญ และมีความหมายมากที่สุดวันหนึ่ง เพราะชาวคริสต์ถือว่า พระเยซูไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป แต่พระองค์เป็นบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด และมีพระธรรมชาติเป็นพระเจ้า และเป็นมนุษย์ในพระองค์เอง การกำเนิดของพระองค์ จึงเป็นเหตุการณ์พิเศษที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนด้วย