• Future Perfect
  • Articles
  • สัญญาณเตือน "ปะการังฟอกขาว" ภาพสะท้อน "ระบบนิเวศทางทะเล" เข้าขั้นวิกฤติ

สัญญาณเตือน "ปะการังฟอกขาว" ภาพสะท้อน "ระบบนิเวศทางทะเล" เข้าขั้นวิกฤติ

Sustainability

ความยั่งยืน27 ก.ค. 2567 16:40 น.

ไม่ใช่เรื่องไกลตัว สัญญาณเตือน "ปะการังฟอกขาว" ภาพสะท้อน "ระบบนิเวศทางทะเล" เข้าขั้นวิกฤติ อาจสายเกินไปจนไม่สามารถกอบกู้ระบบนิเวศทางทะเลกลับมาได้อีกแล้ว

"แนวปะการัง" เป็นระบบนิเวศที่สำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตในมหาสมุทร สิ่งมีชีวิตในทะเลกว่าร้อยละ 25 พึ่งพาแนวปะการัง รวมถึงผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ตามแนวชายฝั่ง และบริโภคอาหารทะเล ไม่เพียงเท่านั้น บางครั้งปะการังก็ถูกเรียกว่า "ป่าฝนแห่งท้องทะเล" เนื่องจากความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนเกินที่มนุษย์ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ 

ดังนั้น หากปะการังเกิดการฟอกขาว สิ่งมีชีวิตที่พึ่งพาแนวปะการังจะค่อยๆ ล้มตาย เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราเห็นสีขาวบนปะการัง ก็เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปได้เลยว่า "ปะการังกำลังตาย" ปะการังยังถูกใช้เป็นตัวบ่งชี้คุณภาพใต้ท้องทะเล เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของปะการังสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมใต้ท้องทะเล

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสาเหตุของความเสื่อมโทรมส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น น้ำทิ้งจากเขตชุมชน ตะกอนจากชายฝั่ง ขยะตกค้างในแนวปะการัง อาทิ ผืนอวนที่ปกคลุมแนวปะการังที่เกาะโลซิน ความเสียหายของปะการังจากการเคลื่อนย้ายปะการังในกิจกรรมดำน้ำแบบ Sea Walker การทำประมงตกปลาที่ทำให้เกิดการเหยียบย่ำปะการังบริเวณน้ำตื้น และการทิ้งสมอในแนวปะการัง 

การท่องเที่ยวหนาแน่นที่ขาดการบริหารจัดการตามหลักวิชาการที่เหมาะสม ทำให้สภาพแวดล้อมในพื้นที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการฟื้นตัวของแนวปะการัง และหากปะการังหักหรือถูกทำลายการเจริญเติบโตนั้นช้ามาก ปะการังเขากวางเติบโต 8-12 เซนติเมตร/ปี ปะการังโขด หรือ ปะการังสมอง เติบโต 0.5-2 เซนติเมตร/ปี เมื่อแนวปะการังเผชิญกับเหตุการณ์ฟอกขาวบ่อยครั้งและรุนแรงมากขึ้น เวลาที่ปะการังจะใช้ในการฟื้นตัวก็จะสั้นลงเรื่อยๆ หรืออาจไม่มีเวลาให้ได้ฟื้นตัวเลย

จากข้อมูลข้างต้น การอนุรักษ์และการฟื้นฟูแนวปะการังจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ทรัพยากรแนวปะการังของประเทศสามารถดำรงสภาพความสมบูรณ์อยู่ได้ แนวปะการังในหลายพื้นที่สามารถฟื้นตัวเองได้ตามธรรมชาติ ถ้าหากไม่มีสิ่งรบกวน ปะการังก็สามารถแตก-หน่อเจริญเติบโตแพร่ขยายในพื้นที่นั้นได้ วิธีการฟื้นฟูปะการัง ได้แก่ 

  • การฟื้นฟูโครงสร้างทางกายภาพ : เป็นการปรับปรุงคุณภาพของสภาพแวดล้อมรอบๆ แนวปะการัง เช่น การกำจัดมลพิษ การลดปริมาณตะกอน การฟื้นฟูแนวชายฝั่ง และการอนุรักษ์พื้นที่ปะการัง
  • การขยายพันธุ์ปะการัง : เป็นการเพาะเลี้ยงปะการังในสถานที่ควบคุมและนำกลับคืนสู่แนวปะการัง วิธีการขยายพันธุ์ปะการัง ได้แก่ การขยายพันธุ์แบบอาศัยเพศ การขยายพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ และการขยายพันธุ์แบบพันธุวิศวกรรม
  • การปกป้องปะการัง : เป็นการปกป้องปะการังจากภัยคุกคามต่างๆ เช่น กิจกรรมของมนุษย์ (การทำประมง การท่องเที่ยว) ภัยพิบัติทางธรรมชาติและโรคระบาดต่างๆ

ขณะที่ มิสทิน (MISTINE) ถือเป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่ร่วมขับเคลื่อนอย่างจริงจัง โดยจับมือกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เพื่อร่วมรณรงค์เผยแพร่และประชาสัมพันธ์สนับสนุนกฎหมายไม่ใช้สารต้องห้ามในครีมกันแดดที่ก่อให้เกิดอันตรายเข้าไปท่องเที่ยวในพื้นที่แนวปะการังของไทย และเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมใจอนุรักษ์ ส่งเสริมการรักษาและฟื้นฟูแนวปะการัง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้ยั่งยืนโดยการท่องเที่ยวนั้นต้องไม่ทำร้ายปะการังและระบบนิเวศทางทะเล 

จากการลงพื้นที่จริงในรอบปีที่ผ่านมา ทั้งเกาะราชาใหญ่ จังหวัดภูเก็ต และเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบว่ามีทั้งปะการังฟอกขาว และขยะหลากหลายประเภทในท้องทะเล เกิดผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมกับสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล มิสทินยังคงจะดำเนินโครงการฯ ดีๆ แบบนี้อย่างต่อเนื่อง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราทุกคนจะตระหนักถึงความสำคัญของระบบนิเวศทางทะเล

แน่นอนว่าหลายๆ คนมองว่า ปะการัง ระบบนิเวศทางทะเลเป็นเรื่องไกลตัว รอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขก็ได้ หากเป็นแบบนั้นอาจไม่ทันเวลาหรือสายเกินไปจนไม่สามารถกอบกู้ระบบนิเวศทางทะเลกลับมาได้อีกแล้ว ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องร่วมมือกันช่วยเหลือป้องกันมิให้เกิด "ปะการังฟอกขาว" เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และช่วยกันฟื้นฟูพร้อมอนุรักษ์และรักษาระบบนิเวศทางทะเลกลับมาสวยงามและอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง.