การขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนที่จังหวัดน่าน แม้จะยากก็ต้องทำ โดยพยายามทำให้ทุกเครื่องยนต์เดินเต็มที่ โดยเฉพาะในมิติการปลูกไมตรี เติมความรู้ให้กับเยาวชน ซึ่งจะเป็นผู้ที่สานต่อภารกิจได้อย่างยั่งยืน
ปัญหาของ "ป่าต้นน้ำน่าน" มาจากหลายสาเหตุ และมีความซับซ้อน ดังนั้นต้องมีการแก้ไขปัญหาจากหลายมิติ ทั้งลดการรุกล้ำพื้นที่ป่า การสร้างรายได้ให้ชาวบ้านเลี้ยงชีพได้ รวมถึงมิติทางสังคม คือการ "ปลูกไมตรี ดีที่สุด" คือ ประโยคที่คุณปั้น บัณฑูร ล่ำซำ ประธานกิตติคุณ ธนาคารกสิกรไทย นายธนาคารผู้อุทิศเวลากับการอนุรักษ์ป่าน่าน สื่อถึงความหมายด้านการดูแลสุขภาพ และการส่งเสริมความรู้ ภายใต้มูลนิธิรักษ์ป่าน่าน โครงการตามพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
“ปลูกไมตรีดีที่สุด เพราะในที่สุดเราต้องย้อนกลับไปคุยกับเขา ระหว่างทางอย่าให้เลวร้าย ระหว่างที่เราแก้ปัญหาทุนนิยม วิธีการที่ทำให้คนโดยรวมรู้สึกดี ซึ่งวันหลังเราต้องกลับมาเจรจากับเขา คือช่วยเรื่องสาธารณสุข” นั่นคือหลักที่คุณบัณฑูรยึดหลักในการแก้ปัญหาและฟื้นฟูที่นี่ โดยใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท นำมาก็สร้างอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน อาคารรังสี และอาคารจอดรถ ที่พรั่งพร้อมด้วยเครื่องไม้เครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย ที่ไม่ใช่เพียงรองรับการบริการด้านสุขภาพให้กับประชาชน แต่ยังรวมถึงคุณภาพชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์
และอีกในไม่กี่ปีข้างหน้า น่านนคร กำลังจะมี "หอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่านและแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก" แหล่งเรียนรู้ของเยาวชน ผู้ที่จะสานต่อภารกิจสู่ความยั่งยืน
คุณบัณฑูร เล่าว่า สิ่งที่น่านไม่มี คือองค์ความรู้ และที่หยอดองค์ความรู้ คือเด็กที่พวกเราสร้างเป็นทางเลือกให้เด็กได้มาเรียน สร้างระบบขนเด็กลงมา มีที่พัก ที่กิน ที่นอน ถึงจะปิดช่องว่างนี้ได้ เป็นการแก้ปัญหาที่ทุกเครื่องยนต์เดินเต็มที่
ความมุ่งมั่นสู่เป้าหมาย "ยั่งยืน" ให้คนกับป่าอยู่ร่วมกันได้นี้ ฟันเฟืองสำคัญคงมิใช่เพียงคุณปั้น บัณฑูร ล่ำซำ แต่คือทุกฝ่ายที่ต้องรวมพลัง ร่วมตอบโจทย์ปัญหานี้ไปด้วยกัน