• Future Perfect
  • Articles
  • โลกกำลังป่วย จับตา "วิกฤติสิ่งแวดล้อม" ยังเหลือโอกาสให้มนุษย์แก้ไขหรือไม่

โลกกำลังป่วย จับตา "วิกฤติสิ่งแวดล้อม" ยังเหลือโอกาสให้มนุษย์แก้ไขหรือไม่

Sustainability

ความยั่งยืน10 ต.ค. 2566 20:50 น.
  • ข่าวร้าย เปิดผลการตรวจสุขภาพโลกครั้งใหญ่ มนุษย์ละเมิดขีดจำกัดความปลอดภัยแล้ว 6 ด้าน ใน 9 ด้าน
  • "โลกร้อน" ที่เรารู้จักกันดี ยังไม่ใช่สิ่งที่วิกฤติที่สุด แต่เป็นการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต หรือการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
  • จับตา "วิกฤติสิ่งแวดล้อม" ยังเหลือโอกาสให้มนุษย์แก้ไขหรือไม่

ทุกการกระทำของมนุษย์ล้วนส่งผลกระทบต่อโลก ดังนั้นเพื่อให้มนุษย์สามารถอาศัยอยู่บนโลกได้อย่างสมดุลและปลอดภัย นักวิทยาศาสตร์จึงคิดกรอบแนวคิด Planetary Boundaries หรือขีดความสามารถในการรองรับของโลก 9 ด้านขึ้นมา เพื่อหวังสร้างสมดุลตามธรรมชาติ แต่ในขณะเดียวกันหากมนุษย์ละเมิดขีดจำกัดดังกล่าวก็อาจทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆ ตามมา

โดยขีดความสามารถในการรองรับของโลก 9 ด้าน มีดังนี้

1. การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ

2. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

3. ปรากฏการณ์ทะเลกรด 

4. การเปลี่ยนแปลงระบบผืนดิน

5. การใช้น้ำจืดแบบไม่ยั่งยืน

6. การไหลของสารเคมีธรณีชีวภาพหรือการไหลของไนโตรเจนและฟอสฟอรัสสู่ชีวมณฑล 

7. ภาวะฝุ่นละอองในอากาศ

8. มลภาวะจากสารเคมีใหม่

9. การลดลงของโอโซนในชั้นบรรยากาศ

นอกจากนี้ยังมีการแบ่งขีดความสามารถในการรองรับของโลกทั้ง 9 ด้าน ออกเป็น 3 ระดับ ได้คือ ปลอดภัย, อยู่ในภาวะเสี่ยง และระดับวิกฤติ ซึ่งจากรายงานที่ผ่านมา พบว่ามนุษย์ได้ละเมิดขีดจำกัดความปลอดภัยมาแล้วถึง 4 ด้าน ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก และล่าสุด มีข่าวร้ายยิ่งกว่า หลังมีรายงานออกมาว่า ปัจจุบันมนุษย์ได้ละเมิดขีดจำกัดความปลอดภัยถึง 6 ใน 9 ด้าน

ทั้งนี้ ดร.เพชร มโนปวิตร นักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ ได้พูดตอนหนึ่งในค่ายกิจกรรมสิ่งแวดล้อมว่า ทุกคนรู้ว่าโลกป่วยแต่คำถามก็คือ ป่วยแค่ไหน เป็นโรคอะไรบ้าง และคำถามที่อาจตามมาอีกคือ เรารู้ว่าโรคป่วยแต่ทำไมเรายังไม่เปลี่ยน 

จากผลการประเมินขีดจำกัดความปลอดภัยของโลกทั้ง 9 ด้าน ล่าสุดผลปรากฏว่าเกินมา 6 ด้าน และตอนนี้มี 3 ด้านที่มีความวิกฤติอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็น Triple Planetary Crisis หรือวิกฤติ 3 ด้านของโลกที่ถูกสื่อสารออกมาค่อนข้างเยอะในระยะหลัง ได้แก่ โลกร้อน ที่เรารู้จักกันดี แต่ไม่ใช่สิ่งที่วิกฤติที่สุด ซึ่งสิ่งที่วิกฤติที่สุดคือ การสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต หรือว่าการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และเรื่องของมลภาวะ

ส่วนอีก 3 ด้าน คือเรื่องของน้ำเสีย เรื่องของแร่ธาตุสารอาหาร การใช้ปุ๋ยเคมีที่มากเกินไป สิ่งที่เกิดขึ้นที่ จ.ชลบุรี เป็นตัวสะท้อนว่าเกิดอะไรขึ้นกับระบบการผลิตอาหารของเรา การใช้ปุ๋ยเคมีที่มากเกินไป การใช้ยาฆ่าแมลงทุกอย่างลงสู่ทะเลทั้งหมด และทะเลบ้านเรากำลังจะตาย นอกจากนี้ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ เรื่องของระบบนิเวศป่าไม้ การทำลายพื้นที่ชุ่มน้ำ นี่คือ 6 ตัวชี้วัดที่บอกว่า เราอยู่ในภาวะวิกฤติแล้ว

ส่วนตัวคิดว่าเราต้องเริ่มจาก 1. หยุดคุกคามทำลายธรรมชาติในทุกรูปแบบ 2.ให้ความสำคัญกับการจัดการพื้นที่คุ้มครองที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ 3. เร่งขยายพื้นที่คุ้มครองให้เกิดการเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายในลักษณะระบบนิเวศ 4. ขับเคลื่อนการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพนอกเขตพื้นที่คุ้มครอง 

หากเปรียบโลกเป็นร่างกายของคนเรา เมื่อไปเจอหมอบอกกับเราว่า ตอนนี้ค่าไตรกลีเซอไรด์สูง 300 แล้ว คอเลสเตอรอลขึ้นไปจะแตะ 400 แล้ว คุณไม่รู้หรอกว่าเดินๆ อยู่จะล้มลงไปตอนไหน นี่คือสิ่งที่คิดว่ากำลังจะเกิดกับโลกของเราจริงๆ มีทั้งภาวะสุขภาพถดถอย สมรรถภาพเริ่มแย่ ภาวะที่อาจจะเป็นเหมือนกับโรคมะเร็งที่เราไม่รู้ว่ามันจะลุกลามขนาดไหน เชื่อว่าถ้าเราได้ผลตรวจสุขภาพแบบนี้กลับมา หมอจะบอกว่าไม่มียาวิเศษที่ฉีดยาแล้วหาย สิ่งที่คุณต้องทำคือการเปลี่ยนวิถีชีวิต

ถามว่าเรารู้ไหมว่าควรกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่กินอาหารไขมันสูงเกินไป ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เยอะเกินไป นี่เป็นสิ่งที่เรารู้แต่เราไม่ลงมือทำ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น เรารู้ว่าควรพัฒนาโดยไม่ทำลายธรรมชาติ ไม่ไปตัดไม้ทำลายป่า ถมพื้นที่ชุ่มน้ำ สร้างขยะมากเกินไป 

สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กำลังจะบอก คือเป็นสิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์ เราปฏิเสธไม่ได้ เช่นเดียวกับโลกร้อน เรายิ่งปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นไปเท่าไร อุณหภูมิก็สูงขึ้นเท่านั้น นักวิทยาศาสตร์มีโมเดลที่คาดการณ์ได้เป๊ะๆ มีกรอบเวลาจนเกิดสิ่งที่เรียกว่าเป็นคาร์บอนบัดเจ็ต หมายถึงว่าเราจะปล่อยคาร์บอนได้อีกกี่ปี ที่อุณหภูมิจะไม่เกิน 1.5 องศาฯ หรือขึ้นไป 2 องศาฯ ที่สำคัญคือโลกได้บอกกับเราจนแทบจะตะโกนแล้วว่า มีอาการอะไรบ้างที่ผิดปกติ

"ผมยังเชื่ออยู่เสมอว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามก็คือทรัพยากรมนุษย์ เรามีอานุภาพในการทำลายอย่างที่ไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะเดียวกันเราก็มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลง มีคนบอกว่าจริงๆ แล้วโลกที่ยั่งยืนมีอยู่แล้ว ลองมองเข้าไปในธรรมชาติ ซึ่งในธรรมชาติไม่เคยเกิดของเสียขึ้นเลย มีการหมุนเวียนในเรื่องของแร่ธาตุ พลังงาน ส่งต่อระหว่างสิ่งมีชีวิตอย่างสมบูรณ์มาก จึงคิดว่าอยากให้มนุษย์ไปถึงการพัฒนายั่งยืน คือจะทำอย่างไรให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของการรีไซเคิล"