• Future Perfect
  • Articles
  • "ลาซาด้า" นำร่องกรีนโลจิสติกส์ฮับ เปิดศูนย์กระจายสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

"ลาซาด้า" นำร่องกรีนโลจิสติกส์ฮับ เปิดศูนย์กระจายสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Sustainability

ความยั่งยืน26 ก.ย. 2566 10:05 น.

"ลาซาด้า" เปิดตัวศูนย์กระจายสินค้าท่าแร้ง รามอินทรา นำร่อง โลจิสติกส์ฮับ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแห่งแรกในไทย พร้อมเผย 3 แนวทางในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2566 ลาซาด้า ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดตัวศูนย์กระจายสินค้าท่าแร้ง รามอินทรา นำร่องโลจิสติกส์ฮับที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแห่งแรกในประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ยั่งยืน และสร้างผลกระทบเชิงบวกให้สังคม 

โดยศูนย์ฯ ดังกล่าว มุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่าน 3 แนวทางหลัก ได้แก่ การใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับการดำเนินงานภายในศูนย์ฯ การใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในการขนส่งสินค้า ซึ่งทำให้การขนส่งกว่า 70% ของศูนย์ฯ เป็นการใช้พลังงานสะอาด และชุดยูนิฟอร์มสำหรับตัวแทนจัดส่งสินค้าที่ผลิตจากขวดพลาสติก PET รีไซเคิล

สำหรับงานเปิดตัวศูนย์ฯ ได้จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีทีมผู้บริหารลาซาด้าร่วมงาน ได้แก่ เจมส์ มาร์แชนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายโลจิสติกส์ ลาซาด้า ประเทศไทย และ ณัฏฐพล เกรียงชัยเวทย์ รองประธานอาวุโสฝ่ายโลจิสติกส์ ลาซาด้า ประเทศไทย พร้อมด้วยผู้บริหารจาก สวอพ แอนด์ โก (Swap & Go) พันธมิตรผู้ให้บริการสลับแบตเตอรี่สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า นำโดย อาวีมาศ สิริแสงทักษิณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวอพ แอนด์ โก จำกัด

ขณะที่ศูนย์กระจายสินค้าท่าแร้งของลาซาด้า ครอบคลุมพื้นที่การจัดส่งสินค้าในบริเวณแขวงท่าแร้งและแขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน โดยการเปิดศูนย์ฯ แห่งนี้จะช่วยให้ลูกค้าของลาซาด้าได้รับสินค้ารวดเร็วยิ่งขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ของลาซาด้าโดยรวม

อย่างไรก็ตาม ศูนย์กระจายสินค้าท่าแร้ง นับเป็นหนึ่งในโครงการด้านโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนของลาซาด้า กรุ๊ป สะท้อนแนวทางการดำเนินงานของบริษัทในการใช้อีคอมเมิร์ซเป็นพลังขับเคลื่อน เพื่อยกระดับชุมชน ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืน และบริหารจัดการผลกระทบของธุรกิจที่มีต่อสิ่งแวดล้อม จากรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ประจำปี 2566 ลาซาด้าสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) โดยรวมลงถึง 10% ในระดับภูมิภาค เมื่อเทียบกับกรอบเวลาการรายงานในปีงบประมาณ 2565.