ถึงเวลาเปิดใจชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เคยเป็นครูของผู้ชายยุค 90 ทั่วประเทศ แถมไม่มีใครที่ไม่รู้จักเธอ สำหรับ แน๊ต เกศริน หรือ จุติณัฏฐ์ ชัยเฉลิมพล นางแบบเซ็กซี่ 18+ ยุค 90
ล่าสุดมาร่วมพูดคุยในรายการ คนดังนั่งเคลียร์ ทางช่อง 8 ถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยถูกสังคมตีตราอาชีพนางแบบเซ็กซี่ 18+ เป็นโสเภณี และในรายการเธอยังแนะนำเด็กรุ่นใหม่ หากจิตไม่เข้มแข็งพออย่าเดินบนเส้นทางเหมือนเธอ เพราะชีวิตต้องอดทนมาโดยตลอด
เธอหันมาเป็นนักกีฬา แปลกใจ ผู้หญิงต้องสวย อ้อนแอ้น มีใครที่ไหนเขาจะอยากได้ผู้หญิงมีกล้ามเป็นมัดๆ บ้าง มันเสียว มันเอ็กซ์ตรงไหน?
"คุณแม่เห็นหนูนั่งอยู่เฉยๆ มันมีไหมคะ ไม่มีนะ ก็เหมือนผู้หญิงปกติทั่วไป เพียงแต่ว่ามีความฟิตแอนด์เฟิร์ม ทั้งข้างบนและข้างล่าง (หัวเราะ)"
...
เคยมีไหม ที่คนเข้าใจว่าเธอขาย?
"คิดเยอะ มีแต่คนคิดค่ะ มันก็ไม่แปลก เพราะว่าคนส่วนใหญ่ เขามองภาพพจน์เรา เอาจริงๆ เวลาไปรายการต่างๆ หรือบางคนจะมาคุยสัมภาษณ์เรา จะสัมภาษณ์เกี่ยวกับโสเภณี เราก็บอกว่าขอโทษนะคะ คนละเลเวล
ของแน๊ตคือการทำงาน การแสดง ไม่ได้อยู่ในสเตปที่สัมภาษณ์เรื่องโสเภณี เพราะการทำงานคนละอย่าง คนละรูปแบบกัน ถ้าแบบนั้นต้องไปสัมภาษณ์กับคนที่เขาทำอาชีพนี้ อย่างของแน๊ตคือการทำงานในรูปแบบความบันเทิง
และการที่แน๊ตมาในแนว 18+ มันไม่ได้ถือว่าเป็นโสเภณี มันคือการแสดง และอีกอย่างเราไม่ได้อยู่ตรงเส้นนั้นมานานแล้ว ต่อให้เป็นงานกลางคืนเราก็มีการร้องเพลง แสดงโชว์ เสร็จเราก็กลับบ้าน เพราะฉะนั้นถ้าคุณมาบอกว่า อาชีพที่แน๊ตทำ มันดูเหมือนเป็นการขาย ต้องบอกเลยว่า แล้วมีใครเคยซื้อแน๊ตได้ไหมคะ
เคยมีคนติดต่อมานะคะ แต่จะบอกเลยว่าคุณเคยซื้อแน๊ตได้หรือเปล่า ก็ไม่เคย คนอย่างแน๊ตส่วนใหญ่ที่หาแฟนยาก เพราะแน๊ตเลือกเยอะ และผู้ชายที่เข้ามาหา เข้ามาหายากเพราะรู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้ต้องผ่านผู้ชายมาเยอะ ผ่านอะไรมาเยอะ"
แน๊ตคิดอย่างไร คนบางคนเขาคิดว่าเราเป็นแบบนั้น?
"ไม่ได้บางคน ส่วนใหญ่ค่ะ แต่เขาไม่ได้อยู่กับเรา 24 ชั่วโมง ถูกไหม สิ่งที่เขาเห็นคือภาพลักษณ์จากการทำงานของเราที่ออกไปในโซเชียล"
เขาเลยเอาไปปรุงแต่ง?
ก็เป็นเรื่องปกติ แม้แต่ผู้ชายหล่อๆ หรือผู้ชายบางคนที่เขาเห็นโชว์นั้น โชว์นี้ก็คิดต้องทำแน่ๆ บางทีเขาอาจจะไม่ได้ทำก็ได้ คนเราก็มีสิทธิ์ที่จะคิดเหมือนกันหมด หนูก็ไม่สน คุณไม่ได้อยู่กับเรา 24 ชั่วโมง สิ่งที่แน๊ตจะแคร์คือตัวแน๊ต ไม่ได้แคร์คำพูดของคน"
ขอโทษนะคะ ในวันเก่าๆ เธอถือว่าเป็นพวกแก้ผ้ารุ่นแรก ตอนนั้นไม่มีโซเชียลมากมาย ในวันนั้น คนยังไม่ยอมรับอาชีพนี้ เขาด่าทอ เหน็บแนม พอจำได้ไหม?
"เขาด่าทอเราไม่เห็น สมัยนั้นยังไม่มีมือถือมานั่งแชต มีแต่ทีวีกับหนังสือพิมพ์ คนมันอ่านแต่มันด่าเราไม่ได้ ไม่ถึงเรา มันด่าตรงนั้นก็อยู่ตรงนั้น สมัยนี้ถ้าไม่พอใจใครด่าลงโซเชียลหมด รู้ถึงเจ้าของ เพราะฉะนั้นหนูจะบอกว่า หนูโชคดีมากที่อยู่ในรุ่นนั้น แต่หนูจะรู้สึกโดนปะทะจริงคือ ซึ่งๆ หน้า แต่หนูเชื่อว่าการนิ่งเราจะได้เปรียบ หนูถือว่าถ้าใครโยนขี้มาให้เรา หนูไม่ได้เป็นโถส้วมให้เขา ขี้นั้นก็ตกไปหาเจ้าของค่ะ"
แสดงว่าก็โดนบ้าง?
"ก็โดนบ้าง รุ่นใหญ่ๆ ตอนนั้นที่หนูไปต่างจังหวัด ไปโชว์ตัว มีบางจังหวัด คนที่เขาทำงานระดับจังหวัด คุมจังหวัด หรือกลุ่มสมาคมแม่บ้านที่เขามีชื่อเสียง เขาก็ต่อต้านค่ะ ต่อให้ไปร้องเพลงก็ไม่ให้ขึ้นเวที ก็ให้ออกเลย ก็มีบ้าง ตอนท้ายเราต่อสู้มา จนคนทั้งประเทศต้องยอมรับในการพัฒนาของเราในแต่ละปี ในแต่ละยุค"
...
แต่ก็มีผู้หญิงจำนวนมากบางคนเขาไม่ยอมรับ อาจจะมองว่าใช้แต่เรือนร่างไม่ใช้สมอง?
"คุณแม่ คนแก้ผ้าก็ใช้สมองนะ แก้อย่างไรให้สวยงาม แก้อย่างไรให้ดูว่าเป็นศิลปะ ถูกไหมคะคุณแม่ คือบางคนก็มีนะแก้ผ้าแบบไม่ใช้สมองมันก็มี แต่หนูจะแก้อย่างไรให้ดูโป๊แต่ไม่โป๊ แก้อย่างไรให้ดูเซ็กซี่ Sex appeal ตลอดเวลา มันคือการครีเอต"
การเดินเส้นทางนี้มันง่ายไหมคะ สำหรับคนที่อยากเดินบนเส้นทางนี้ในเด็กรุ่นใหม่ที่เขาอยากเป็นแบบเธอ?
"อย่าเป็นเหมือนพี่เลยค่ะ มันไม่ง่ายอย่างที่น้องๆ คิด เพราะว่าสิ่งที่พี่อยู่ในปัจจุบันนี้ พี่อยู่ด้วยความเข้มแข็งและความอดทนมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เด็กสมัยใหม่มันไม่มีความอดทนแล้ว อะไรเข้ามากระทบนิดนึง กลายเป็นว่าจิตใจเขาบอบบาง
แม้กระทั่งถูกทำร้าย แม้กระทั่งเรื่องจิตเวช โรคซึมเศร้า เพราะเขาไม่ได้มีเกาะ มีพลังเหมือนรุ่นของเรา พอเจออะไรแบบการเจอซึ่งหน้าเจ็บปวดมากกว่าการโพสต์ด่าลงโซเชียล เราเจอมาหมดแล้ว
อีกอย่างเส้นทางของแน๊ต มีเส้นทางสายธรรมเข้ามาในเรื่องอบรมจิตใจของเราด้วย เพราะฉะนั้นแน๊ตมีพลังมีกำแพง หรือมีภูมิคุ้มกันให้กับจิตแน๊ตอยู่แล้ว แน๊ตก็เลยไม่ค่อยมีปัญหา เพราะฉะนั้นการที่จะเดินเส้นทางของพี่ พี่บอกเลยว่ามันทรมาน มันยากมากนะ และถ้าหนูไม่มีความเข้มแข็งสิ่งที่กระทบหนูมากที่สุดอาจกระทบขั้นชีวิตได้"
...
เล่าได้ไหมเซ็กส์แบบไหนที่เธอว่าระห่ำ และสยิวที่สุดแล้วในชีวิต?
"การช่วยตัวเอง และบริบทที่เราดูคลิป แล้วก็บอกโอ้ยที่รัก เพราะหนูช่วยตัวเองโดยใช้ไวเบรเตอร์"
คุณผู้ชม ขออนุญาตนะมันเป็นเรื่องที่ตอนนี้ วงการแพทย์ เขาก็พูดว่าการใช้อุปกรณ์ช่วยตัวเอง มันเป็นการช่วยผ่อนคลาย ลดภาวะโรคซึมเศร้า เดี๊ยนอยากให้น้องแน๊ตพูดกับผู้หญิงที่บางคนอาย กลัวคนเห็น?
"จริงๆ แล้วมันดีกว่าการที่เราไปนอนกับผัวคนอื่น แฟนคนอื่นแบบไร้สาระนะ หนูมองว่าผู้หญิงบางคนบอกช่วยตัวเองไม่เป็น ต้องทำอย่างไร แต่ตัวเองล้ำเส้นของคำว่าศีลธรรม และความถูกต้องไปแล้วแน๊ตจะบอกว่าตอนนี้เรารู้การจัดการของอารมณ์เรา คนอื่นอาจจะมองเป็นสิ่งที่น่าอาย
แต่แน๊ตมองว่า มันเป็นการจัดระบบอารมณ์ของตัวเองที่ดีที่สุด วงการแพทย์เขาก็ไม่ได้บอกว่าเราเป็นโรคจิต แต่มันคือการบำบัดความเครียดได้อย่างหนึ่ง ถ้าสมมุติว่าแน๊ตไปออกกำลังกายกลับมาเกิดอารมณ์ แน๊ตก็ต้องจัดการกับตัวเอง
แน๊ตจะต้องออกไปจ่ายเงินซื้อผู้ชายมานอน เพื่อที่ต้องมาบำบัดความใคร่แน๊ต มันก็ไม่ใช่เหตุ ไม่ใช่เรื่อง มันดูไม่เหมาะสม ด้วยเรื่องอาชีพ หน้าที่การทำงานของเรา ต่อให้เราทำงานแบบนี้ เราจะให้คนอื่นมาซ้ำเติมด้วยนิสัยของเราในพฤติกรรมแบบนี้อีก มันก็ไม่เหมาะสม เพราะฉะนั้นหนูเลยบอกว่า คุณหมอบอกว่ามี 1 หรือ 2 อัน มันเป็นเรื่องปกติมากๆ หนูมีเป็นสิบเลยค่ะ เลือกความสั่นแรง สั่นเบา (หัวเราะ)"
แน๊ตอยากจะพูดอะไรกับผู้ชม?
"อยากจะบอกว่า บางทีเหรียญที่คุณเห็นอาจจะมี 2 ด้าน แต่คุณต้องมองเหรียญให้มันรอบๆ อย่ามองด้านใดด้านหนึ่งเพราะมันวางอยู่บนโต๊ะ บางทีชีวิตคนเราไม่ได้มีแค่ด้านเดียว ก็เหมือนกันการทำงานของแน๊ต มันก็มีสเปซต่อการทำงาน
...
และหลังจากการทำงานแน๊ตก็ปิดสวิตช์ แล้วมาเป็นตัวของแน๊ตเอง ซึ่งเราไม่ได้คลุกคลีกับใคร เรายังไม่กล้าไปดูถูกคนอื่นเลย เราเห็นเขาแค่เบื้องหน้า แต่เบื้องหลังของเขา เขาอาจเป็นคนดีก็ได้ หนูถึงบอกว่า เวลาเราจะพิจารณาใคร มองเขาให้รอบก่อน ค่อยตัดสินคนนั้น น่าจะดีกว่า
อย่างแน๊ตไม่รู้สึกที่จะเสียใจกับการตัดสินในเวลานั้น แต่แน๊ตมองว่า ถึงเขาจะเห็นเราช้าในความดีของเรา อย่างน้อยเขาก็ได้เห็น แน๊ตพยายามพัฒนาตัวเอง ทำความดีของตัวเองในทุกปี ให้รู้สึกว่าเราไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ค่ะ".