บล.กสิกรไทยระบุว่า หุ้นไทยช่วงต้นปีมีแรงกดดันจากแรงขายกองทุน LTF ซึ่งจะครบกำหนด คาดว่าจะมีแรงขายออกมาราว 2 หมื่นล้านบาท ดังนั้นโอกาสเกิด January Effect จึงอาจมีน้อย โดยประเมินหุ้นไทยเดือน ม.ค.60 จะแกว่งตัวระหว่าง 1,490—1,540 จุด
อย่างไรก็ตาม ปีนี้แนะนำให้ลงทุนด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากมี Upside จำกัด ประเมินว่าดัชนีมีโอกาสขึ้นไปได้เพียง 1,570-1,600 จุดเท่านั้น เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงและอ่อนไหวต่อปัจจัยต่างๆในต่างประเทศค่อนข้างมาก ให้กรอบล่างดัชนีปีนี้มีโอกาสลงไปถึง 1,400 จุด ส่วนกรอบบนมองเป้าที่ 1,570-1,600 จุด ซึ่งมีอัพไซด์ไม่มาก
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ที่คาดว่าต้นปี 60 จะไม่มีเหตุการณ์ January Effect เพราะหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งเริ่มกลับมามีนัยสำคัญต่อตลาด ไม่เหมือนรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ที่หุ้นไทยถูกผลักดันโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร สื่อสาร และการบริโภคในประเทศ อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่หุ้นไทยจะลงลึกไปถึง 1,450 จุด แต่เป็นจุดสำคัญในการหาจังหวะซื้อสะสม!!
ขณะที่ บล.บัวหลวง มองว่า มีโอกาสเห็น January Effect ช่วงเดือน ม.ค.นี้ เนื่องจากปัจจุบันต่างชาติถือหุ้นไทยเหลือเพียง 29% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี จึงอาจได้เห็นเม็ดเงินต่างชาติไหลกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย เพื่อรอรับเงินปันผลในช่วงเดือน มี.ค.นี้ ทั้งนี้ หากคำนวณเม็ดเงินต่างชาติที่จะกลับมาซื้อหุ้นไทยให้มีสัดส่วนการถือครองระดับปกติที่เฉลี่ย 32% เม็ดเงินต้องไหลเข้าได้ถึง 3.5 แสนล้านบาท!!
ด้าน บล.ทิสโก้ มองแนวโน้มระยะสั้นยังคงจะเห็นการเข้าซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติ หลังจากขายออกไปก่อนหน้านี้พอสมควร โดยให้จับตาการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ช่วงกลางเดือน ม.ค.นี้ ส่วนนโยบายการเงินของสหรัฐฯ หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปตามคาดการณ์ เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยบวกให้เม็ดเงินลงทุนไหลกลับเข้ามาในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ปีนี้ตลาดหุ้นไทยจะถูกขับเคลื่อนด้วยเม็ดเงินในประเทศเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันมีสูงมากสะท้อนจากปริมาณเงินในระบบ ที่ปัจจุบันอยู่ระดับ 17.7 ล้านล้านบาท เทียบกับ 8-10 ปีก่อน อยู่ที่ราว 10 ล้านล้านบาท การที่สภาพคล่องอยู่สูงระดับนี้จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของดัชนีหุ้นในปี 60 ได้ แม้ว่า Upside จะไม่สูงก็ตาม
แนะกลยุทธ์ หุ้นรับเหมาโดดเด่นได้รับอานิสงส์โดยตรงจากการลงทุนของภาครัฐ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานเริ่มกลับมาน่าสนใจอีกครั้งจากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ดีขึ้น รวมถึงกลุ่มที่เกี่ยวกับการบริโภคในประเทศด้วย!!
อินเด็กซ์ 51