ปูนํ้าตาคลอพบชาวนา ไก่อูแขวะแกล้งดราม่า
นายกสมาคมโรงสีนำทีมกรรมการ ไขก๊อกยกชุด โวยตกเป็นจำเลยสังคมถูกตราหน้าร่วมมือนักการเมือง กดราคาข้าวเปลือก แจงราคาดิ่งตามตลาดโลก ยันเดินหน้ารับซื้อต่อ ไม่น้อยใจนายกฯ แต่เชื่อข้อมูลไปไม่ถึงหูผู้นำ “ยิ่งลักษณ์” บินด่วนเยี่ยมชาวนาอุบลฯ-สุรินทร์ ช่วยซื้อข้าวไปขายต่อ น้ำตาคลอซึ้งใจชาวนาศรีสะเกษเป็นห่วงต้องชดใช้เจ๊งข้าว 3.5 หมื่นล้าน ครวญไม่รู้จะชดใช้ยังไงหมด “ไก่อู” ซัดดราม่าจัดฉากกลบความผิดคดีข้าว “บิ๊กป้อม” เมินเกมชิงมวลชน ท้ารับซื้อทั่วประเทศ มท.กำชับผู้ว่าฯเจรจาเคลียร์ปัญหาโรงสีกับชาวนา พท.อัด กรธ.อคตินักการเมือง กำหนดโทษประหารซื้อขายตำแหน่งตามอำเภอใจ ปชป.รับได้ยาแรงสกัดคนไม่ดี
จากกรณีที่ถูกฝ่ายรัฐบาลระบุว่าโรงสีบางส่วนร่วมมือกับนักการเมืองกดราคารับซื้อข้าวเปลือก จนชาวนาต้องเดือดร้อนจากราคาข้าวตกต่ำนั้น ล่าสุดนายมานัส กิจประเสริฐ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทยได้แถลงการณ์ข่าวปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และประกาศลาออกพร้อมคณะกรรมการสมาคมฯทั้งคณะ ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และ จ.สุรินทร์ ช่วยรับซื้อข้าวปลอบขวัญชาวนา จนฝ่ายรัฐบาลออกมาตอบโต้เป็นการสร้างภาพกลบเกลื่อนความผิดในคดีโครงการรับจำนำข้าว
สมาคมโรงสีโต้ครหากดราคาข้าว
เมื่อวันที่ 3 พ.ย. นายมานัส กิจประเสริฐ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการสมาคมฯ ขอยุติบทบาทการทำหน้าที่นายกสมาคมฯ และกรรมการตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.เป็นต้นไป หลังจากที่ได้พิจารณาแล้วว่าไม่สามารถรับซื้อข้าวในราคาที่ชาวนาคาดหวังไว้ได้ ยืนยันว่าไม่ได้น้อยใจสังคมที่กล่าวหาว่า โรงสีเป็นจำเลยสังคม ที่ผ่านมาสมาคมฯดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลมาตลอด มีหลักการว่าชาวนาต้องมาก่อน แต่กลับถูกกล่าวหาว่าโรงสีกดราคารับซื้อข้าวเปลือก และยังร่วมมือกับฝ่ายการเมืองกดราคาข้าว เพื่อหวังผลทางการเมือง ดังนั้น จากนี้ไป สมาชิกฯกว่า 1,000 รายจะเป็นบุคคลธรรมดาทั่วไป ที่ยังรับซื้อขายข้าวตามกลไกตลาดได้ โดยสมาคมฯไม่สามารถให้คุณหรือให้โทษใดๆได้ จนกว่าจะมีนายกสมาคมฯ และคณะกรรมการชุดใหม่เข้ามา เราไม่ได้ปฏิเสธว่าคนในวงการเราดีทั้งหมด ทุกวงการมีทั้งสีขาว และสีดำ แต่ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลช่วยเหลือชาวนามาโดยตลอดทุกรัฐบาล ไม่ได้เลือกว่าทำเฉพาะบางรัฐบาลเท่านั้น แม้โรงสีจะเป็นด่านแรกที่รับซื้อข้าวจากชาวนา แต่ไม่สามารถกำหนดราคาข้าวสารได้ เมื่อนำไปสีแปรสภาพเป็นข้าวสารต้องขายให้พ่อค้าคนกลาง ซึ่งเป็นผู้กำหนดราคารับซื้อขายข้าวสาร นำมาคำนวณกลับเป็นราคาข้าวเปลือก
...
ตกเป็นจำเลยสังคมยกทีมไขก๊อก
นายมานัสกล่าวว่า สาเหตุที่ลาออกจากตำแหน่ง ไม่ได้น้อยใจภาครัฐ หรือนายกฯ หรือต้องการประท้วง ตนศรัทธาในตัวนายกฯ แต่ข้อมูลราคาข้าวที่สมาคมฯให้ไปอาจไม่ถึงหรือถูกบิดเบือน จนทำให้โรงสีตกเป็นจำเลยของสังคม ทั้งที่โรงสีให้ความร่วมมือกับรัฐบาลมาตลอด ไม่เคยขัดแย้ง หรือหวังผลทางการเมือง ขณะนี้ยังยืนยันจะรับซื้อข้าวจากชาวนาอยู่ ไม่เช่นนั้นแล้วปัญหาของชาวนาจะใหญ่กว่าเดิม ราคาข้าวที่ปรับลดลง เป็นผลจากราคาตลาดโลกและตลาดข้าว ราคาที่เกษตรกรได้รับขึ้นอยู่กับความชื้น ขณะนี้แนวโน้มราคาข้าวยังเป็นขาลง ราคารับซื้อข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% อยู่ที่ตันละ 7,200-7,500 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 9,000-9,500 บาท กรณีข่าวข้าวเปลือกราคาตกต่ำขอให้ทุกฝ่ายพิจารณาถึงราคาข้าวสารที่โรงสีขายออกไปด้วยว่า สอดคล้องกับราคาข้าวเปลือกหรือไม่ ยืนยันว่าราคาปัจจุบันที่โรงสีขาย เป็นเหตุเป็นผลสอดคล้องกับราคาข้าวเปลือก ไม่ได้สวนทางกัน โรงสีพร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบเครื่องชั่งได้ตลอดเวลา ขอเสนอให้มีเครื่องชั่งกลาง ให้ชาวนาตรวจสอบก่อนมาจำหน่ายโรงสีด้วย
รับซื้อต่อโวยแบงก์ไม่ปล่อยกู้ใครช่วย
นายมานัสกล่าวอีกว่า โรงสียังดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ที่ขอให้รับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา โดยที่รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ 3% ของดอกเบี้ยที่โรงสีต้องจ่าย โดยมีแผนจะรับซื้อข้าวเปลือกปีการผลิต 59/60 ถึง 8 ล้านตัน ในวงเงิน 80,000 ล้านบาท โรงสีต้องกู้มาดำเนินการเอง แต่กระแสข่าวที่ออกมาตรงกันข้าม และมีผลทำให้สถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้เพิ่มให้โรงสี ตรงนี้ใครจะช่วยโรงสี
“ยิ่งลักษณ์” บุกอีสานซับน้ำตาชาวนา
วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และสุรินทร์ เพื่อเยี่ยมเยียนชาวนาที่ได้รับความเดือดร้อนหลังราคาข้าวตกต่ำ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์นั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบินนานาชาติอุบลราชธานี ก่อนไปเยี่ยมกลุ่มชาวนา อ.เดชอุดม อ.ม่วงสามสิบ อ.เหล่าเสือโก้ก อ.เขื่องใน และ อ.เมืองอุบลราชธานี ที่สีข้าวสารหอมมะลิประมาณ 3 ตัน มานั่งจำหน่ายริมรั้วหน้าโรงเรียนสามัคคีวิทยาคาร ถนนแจ้งสนิท ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้สอบถามราคาซื้อขายข้าวระหว่างชาวนากับโรงสี ได้รับคำตอบว่า ราคาข้าวเปลือกปีนี้ตกต่ำมาก ข้าวเปลือกสีใหม่สดโรงสีรับซื้อ กก.ละไม่เกิน 7 บาทตามความชื้น บางรายน้ำเปียกถูกหักร้อยละ 10 จึงรวมกลุ่มกันนำข้าวเปลือกไปสีในโรงสีในหมู่บ้านมาขาย กก.ละ 20 บาท ซึ่งอดีตนายกฯใช้เงินส่วนตัวซื้อข้าวจากชาวนาในหลายอำเภอของ จ.อุบลราชธานี
ซึ้งใจลำบากยังบริจาคเงินมาช่วย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ว่า พี่น้องชาวนาเดือดร้อน ช่วงนี้ราคาข้าวตกต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี จึงอยากจะมาเยี่ยมให้กำลังใจ และทำในสิ่งที่ทำได้ในเวลาที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว ส่วนการที่มีชาวนามอบเงินสมทบทุนหากถูกยึดทรัพย์นั้น จริงๆแล้วรู้สึกตื้นตันใจจนพูดไม่ออก ยามนี้ชาวนามีความทุกข์ ที่ยิ่งใหญ่กว่าตน ยังอุตส่าห์มีน้ำใจเสียสละนำเงินมามอบให้ ขอขอบคุณทุกท่านที่แสดงน้ำใจ
น้ำตาคลอไม่รู้จะชดใช้ยังไงหมด
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางต่อเพื่อไปที่ จ.สุรินทร์ โดยได้แวะพบปะกับชาวนาที่กำลังเกี่ยวข้าวอยู่กลางทุ่งนาที่บ้านโชคอุดม ต.ผือใหญ่ อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ โดยชาวนาดังกล่าวได้แสดงความห่วงใยสอบถามถึงเรื่องเงินที่รัฐบาล คสช.สั่งให้ชดใช้เงินกว่า 3.5 หมื่นล้านบาทในโครงการรับจำนำข้าวว่าจะทำอย่างไร พร้อมทั้งขอถ่ายรูปร่วมด้วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ตอบกลับด้วยน้ำคลอว่า “ก็ไม่รู้จะชดใช้ยังไงหมด เพราะเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก ตอนนี้ก็ต้องสู้คดี แต่ไม่เป็นไร ไม่ค่อยห่วงตัวเอง ความจริงแล้วเป็นห่วงชาวนามากกว่า เพราะช่วงนี้ราคาข้าวตกต่ำ ตัวเองก็ทุกข์ ถามว่าทุกข์ไหมก็คงทุกข์เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร จะอดทน ได้มารับฟังแล้วดีใจมาก ที่พี่น้องชาวนาบอกว่าช่วงที่มีโครงการรับจำนำข้าวอยู่ แล้วชาวนามีความสุข เราก็ดีใจ ขอแค่ได้ยินคำนี้ว่าช่วงที่ทำโครงการรับจำนำข้าวให้ชาวนาได้ประโยชน์ เราก็มีความสุข ชีวิตที่ดีขึ้น แค่นี้ดีใจแล้ว แค่นี้ก็พอใจแล้ว”
ควักเงินช่วยซื้อข้าวไปขายต่อราคาทุน
ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางต่อมายังโรงสีข้าวเฉลิมพระเกียรติ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรไพรขลาน้อย และชุมชนโรงสีข้าวตำบล หมู่ที่ 4 ต.ไพรขลา อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโรงสีข้าว ต.บะ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ โดยมีประชาชนมารอพบ ขณะที่บางคนถึงกับร้องไห้บอกสงสารที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องถูกชดใช้ค่าเสียหายกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท และเรียกร้องให้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง เพื่อให้ราคาข้าวดีขึ้น ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “ไม่ได้มาเป็นรัฐบาลก็มาช่วยเป็นกำลังใจ ตามศักยภาพที่ตัวเองทำได้ ก็ควักเงินส่วนตัว อันไหนช่วยได้ก็จะช่วย อยากให้คนไทยทั้งประเทศมาช่วยชาวนา อย่าหาว่าเรามาเพื่อวัตถุประสงค์อะไรเลย” จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ช่วยซื้อข้าวเปลือกของชาวนา จ.สุรินทร์ 2,000 กก.
คนใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยว่า ข้าวที่อดีตนายกฯซื้อไว้ จะนำไปจำหน่ายที่ กทม.ในราคาทุนที่รับซื้อมา และจะนำเงินที่ได้ไปช่วยซื้อข้าวจากชาวนาในพื้นที่จังหวัดอื่นต่อไป ส่วนที่เป็นข้าวเปลือกจะให้โรงสีชุมชนสีก่อนนำไปจำหน่ายใน กทม.
“บิ๊กป้อม” ท้าให้รับซื้อทั้งประเทศ
เมื่อเวลา 14.30 น.ที่วัดชิโนรสาราม พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ รับซื้อข้าวจากชาวนาในพื้นที่ จ.อุบลราชธานีว่า
“ผมไม่รู้ ต้องไปถามคุณยิ่งลักษณ์เอง ถ้างั้นก็รับซื้อข้าวให้หมดเลยสิ และไม่รู้ว่าเป็นเรื่องการเมืองหรือเปล่า แต่เชื่อว่าไม่ได้เป็นการตัดหน้ารัฐบาล เพราะรัฐบาลทำทั้งประเทศ แต่คุณยิ่งลักษณ์ทำแค่ส่วนหนึ่งเอง” เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่าจะเป็นการแย่งมวลชน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า คิดว่าไม่ใช่ เพราะรัฐบาลทำทุกส่วน แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำแค่ส่วนเดียว แล้วจะเอามาเปรียบเทียบกันได้อย่างไร
“ไก่อู” จิก “ปู” ดราม่ากลบคดีข้าว
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีมีการเสนอภาพข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯไปแวะซื้อข้าวบรรจุถุงจากชาวนาที่ จ.อุบลราชธานีว่า “ปัจจุบันประชาชนจำนวนมากต่างร่วมไม้ร่วมมือจะช่วยเหลือเกษตรกร ทั้งช่วยรับซื้อ ช่วยออกแบบบรรจุภัณฑ์ หาตลาด ทั้งในรูปแบบประชารัฐ และยกระดับคุณภาพสินค้าเพื่อไปสู่ตลาดระดับบนมากขึ้น ถือเป็นเรื่องดีกรณีคุณยิ่งลักษณ์หากเป็นเจตนาจะช่วยสนับสนุนรับซื้อข้าวเฉกเช่นประชาชนอื่นๆ โดยไม่มีเหตุผลเคลือบแฝง หรือจัดฉากเพื่อหวังผลทางการเมือง ถือว่าสังคมคงยอมรับได้ แต่หากทำไปเพื่อวัตถุประสงค์โหนกระแส สร้างข่าว สร้างเรื่องราวดราม่า เพื่อหวังกลบหรือบิดเบือนความผิดในอดีตและคดีความที่เป็นอยู่ เชื่อว่าประชาชนคงไม่สบายใจที่เห็นนักการเมืองเอาความเดือดร้อนของชาวนามาแสวงประโยชน์ทางการเมืองเช่นนี้”
โวทุก รบ.ล้วนมุ่งปลดแอกชาวนา
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า รัฐบาลมั่นใจว่าชาวนาจะได้รับประโยชน์จากโครงการจำนำยุ้งฉางเต็มที่ ถือเป็นมาตรการเร่งด่วนประการหนึ่ง นโยบายของรัฐบาลในการดูแลเกษตรกรมีมาโดยลำดับ ทั้งการปรับปรุงคุณภาพผลผลิต ปรับพฤติกรรมการเพาะปลูก การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และหาตลาดรองรับทั้งในและต่างประเทศ ทุกมาตรการและนโยบายดำเนินไปเพื่อการสร้างโอกาสปลดแอกให้ชาวนาจากการเกษตรรูปแบบเดิม ให้เป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีรายได้พอสมควร ยืนได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน ไม่ต้องวนเวียนในวงจรทำมากได้น้อย จึงอยากให้เกษตรกรเข้าใจและร่วมมือร่วมใจกับรัฐบาลในการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญนี้ด้วยกัน อย่าปักใจหรือหลงเชื่อคำชี้นำที่ผิด หากทุกอย่างกลับไปทำแบบเดิมในอดีต ก็ยากจะเปลี่ยนสถานะของชาวนาไทยได้ ขอยืนยันว่าทุกมาตรการที่ประกาศออกไปจะไม่เปิดช่องให้มีคนแสวงประโยชน์จากเงินภาษีของประชาชน
“ฉัตรชัย” สั่งทำแผนข้าวครบวงจร
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังการประชุมเรื่องข้าว ว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ สั่งการให้กรมการข้าวและกรมพัฒนาที่ดิน ในฐานะคณะกรรมการกำกับดูแลการจัดทำแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (อกรี-แมพ) จัดทำแผนการผลิตข้าวครบวงจรระยะ 5 ปี หรือระหว่างปี 2560- 2564 ให้ใกล้เคียงกับข้อมูลการปลูกข้าวจริงมากที่สุด เพื่อปรับสมดุลพื้นที่การผลิตข้าว ให้สอดคล้องความต้องการของตลาด เพราะการนำร่องใช้แผนการผลิตข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2559/60 ตัวเลขการเพาะปลูกข้าวเป็นเพียงคาดการณ์ ทำให้ข้อมูลอาจจะไม่ตรงกับผลผลิต พล.อ.ฉัตรชัยจึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำแผน 5 ปีมา ให้เห็นภาพรวมของการผลิตข้าวในระยะยาว รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้วางแผนบริหารจัดการได้ถูกว่าเกษตรกรควรผลิตข้าวปริมาณเท่าใดจึงจะเหมาะ เพื่อป้องกันปัญหาข้าวราคาตกต่ำเหมือนปีนี้
มท.กำชับผู้ว่าฯเจรจา “ชาวนา–โรงสี”
เมื่อเวลา 14.00 น.ที่กระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวก่อนการประชุมผ่านวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับผวจ. ผู้แทนกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ว่า จะพูดคุยถึงการช่วยเหลือชาวนา เน้นให้ ผวจ.ในฐานะประธานอนุกรรมการข้าวระดับจังหวัด ประชุมรับทราบสถานการณ์ข้าวในพื้นที่ และขอให้ตรวจสภาพโรงสี กลุ่มพ่อค้าในพื้นที่ว่ามีกลไกราคาที่ยุติธรรมหรือไม่ รวมถึงให้ช่วยดูแลเรื่องความชื้น ให้ช่วยหาสถานที่ตากข้าว หรือให้ ผวจ.เป็นคนกลางเจรจาให้โรงสีซื้อข้าวราคาเป็นธรรม ส่วนการชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวนา ผวจ.ลงไปชี้แจงแล้ว ชาวนาบอกว่าถึงจะขายข้าวได้หรือไม่ จะพูดคุยหารือกับ ผวจ.ก่อน ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานความเคลื่อนไหวชาวนาเดินขบวนเพื่อกดดัน เพราะมีช่องทางการจำหน่ายรวมทั้งเปิดศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ให้ชาวนาร้องเรียน ทั้งนี้คงไม่มีการคาดโทษ เพราะ ผวจ.ร่วมมือ ทุกคนทุ่มเททุ่มใจ เพื่อช่วยเหลือชาวนาอย่างเต็มที่
ทหารลงพื้นที่ช่วยชาวนา
ส่วนการระดมความช่วยเหลือชาวนาของส่วนต่างๆนั้น วันเดียวกัน กองบัญชาการกองทัพไทย โดยหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 53 สำนักงานพัฒนาภาค 5 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จัดกำลังพลเข้าไปส่งเสริมกลุ่มโรงสีข้าวชุมชน บ้านปากช่อง ต.หนองแวง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ หาตลาดรับซื้อโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ส่งเสริมการจัดทำบรรจุภัณฑ์ พร้อมรับซื้อข้าวสารมาจัดจำหน่ายให้ประชาชน บริเวณหน้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ และยังช่วยชาวนาเกี่ยวข้าว ตากข้าวนำข้าวมาสีที่โรงสีชุมชนในโครงการหมู่บ้านตัวอย่างตามรอยเท้าพ่อ บ้านหนองกอง ต.โดด อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ ขณะที่หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 56 ร่วมกับ อ.เดชอุดม และโรงสีเดชอุดมเกษตรไพบูลย์ สีข้าวฟรีให้เกษตรกรในพื้นที่ เพื่อลดต้นทุน ณ โรงสีเดชอุดมเกษตรไพบูลย์ ต.กลาง อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี