'อี้-วิลาสินี จันทร์วุฒิวงศ์' นางสาวไทยปี 2557-2558 เปิดใจก่อนอำลาตำแหน่ง “นางสาวไทย คนที่ 49” ปลาบปลื้มใจและภาคภูมิใจ ที่ได้รับประสบการณ์มากมาย จากการปฏิบัติภารกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ... 

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2559 น.ส.วิลาสินี จันทร์วุฒิวงศ์ นางสาวไทยประจำปี 2557 เปิดใจก่อนอำลาตำแหน่งนางสาวไทยคนที่ 49 พร้อมรองนางสาวไทยอีก 4 คน ได้แก่ น.ส.พิมพ์ชนก จิตชู รองฯอันดับ 1 น.ส.เสาว ลักษม์ ไชยศิริธัญญา รองฯอันดับ 2 น.ส.พัชรวรรณ หุตะเศรณี รองฯอันดับ 3 และ น.ส.ชานิกา (อาทิมา) เนตรทิพย์ รองฯอันดับ4

โดย น.ส.วิลาสินี กล่าวว่า คณะนางสาวไทยทั้ง 5 คน ต้องปฏิบัติภารกิจนานถึง 2 ปี โดยรักษาการ คณะนางสาวไทยปี 2558 ด้วย เนื่องจากปี2558 ไม่มีการประกวด แต่ทุกคนปลาบปลื้มใจและภาคภูมิใจในการทำหน้าที่เป็นประสบการณ์ชีวิตมากมาย ภารกิจในประเทศดีใจที่ได้ไปร่วมกิจกรรมต่างๆ รวมถึงงานเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และที่ประทับใจคือได้ไปเยี่ยมเด็ก และเยาวชนที่สูญเสียผู้ปกครองใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งไปเยี่ยมปลอบขวัญให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ จ.ปัตตานี ส่วนภารกิจในต่างประเทศ ได้มีโอกาสเป็นทูตวัฒนธรรม ทูตการท่องเที่ยว และทูตการค้า ไปร่วมงานเชื่อมความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ และไปร่วมงานเทศกาลไทยที่สถานเอกอัคราชทูต สถานกงสุลใหญ่ และหน่วยราชการของไทยจัดขึ้นในต่างประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย 2 ครั้ง, ญี่ปุ่น 2 ครั้ง, สิงคโปร์ 2 ครั้ง, บาห์เรน, ฟิลิปปินส์, เมียนมา, ไต้หวัน, มัลดีฟส์ และเวียดนาม นอกจากไปร่วมงานแล้ว ยังได้มีโอกาสเดินแฟช่ันเผยแพร่ผ้าไทย และแสดงนาฏศิลป์ไทยให้ชาวต่างประเทศได้ชมด้วย รวมทั้งได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมและให้กำลังใจนักเรียนนาฏศิลป์โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ที่ได้รับคัดเลือกไปแสดงในต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตถึง 2 คณะ นับเป็นความภาคภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ในนาม “นางสาวไทย” ตัวแทนผู้หญิงไทย และขอเป็นตัวแทนคณะนางสาวไทย ขอบคุณสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยฯ, บมจ. อสมท, นสพ.ไทยรัฐ และมูลนิธิไทยรัฐ ที่มีส่วนดำเนินกิจกรรมอันมีคุณค่า ทำให้คณะนางสาวไทยได้รับโอกาสดีๆในชีวิต

...

“การเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในเเต่ละประเทศของอี้ ล้วนให้ประสบการณ์กับอี้มากมายค่ะ อี้ได้รับโอกาสมากมายในการเป็นตัวเเทนประเทศไทย ทุกคนที่อี้ได้พบ ได้ช่วยเหลือ ได้พูดคุย ทุกสิ่งทุกอย่างทุกประเทศเเม้จะมีความเเตกต่างเเต่ก็มีความเหมือนกันคือความ อบอุ่น ทุกครั้งที่พวกเราคณะนางสาวไทย ได้ลงมือปฏิบัติภารกิจ เราคิดเสมอว่าเราเป็นตัวเเทนประเทศไทย สายสะพายเป็นสิ่งที่บ่งบอกหน้าที่ของเรา เเละเราก็ตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุด ขอขอบคุณทุกๆคนที่ให้โอกาส เเละเชื่อมั่นในตัวพวกเรามาโดยตลอด เเละวันนี้เเม้จะพ้นหน้าที่นางสาวไทย 2558 เเต่อี้ก็จะยังทำหน้าที่เป็นตัวเเทนประเทศไทยต่อไป เพื่อทุกๆคนค่ะ ” น.ส.วิลาสินี กล่าว

ส่วน น.ส.พิมพ์ชนก จิตชู หรือ กิ๊บ รองนางสาวไทยอันดับ 1 กล่าวว่า ตลอดเวลาเกือบ 2 ปี ที่ได้ดำรงตำแหน่งรองนางสาวไทยอันดับ1 ประจำปี 2557-2558 ได้มีโอกาสเป็นทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ไปเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในหลายๆประเทศ กับคณะนางสาวไทยและผู้ใหญ่ใจดีหลายๆฝ่าย ความรู้สึกนั้นไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มีโอกาสไปทำหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญในต่างแดน หลายประเทศ รู้สึกภูมิใจที่ได้โชว์ความเป็นไทยออกสู่สายตาชาวต่างชาติ ทั้งการรำ การแสดงต่างๆ รวมถึงโปรโมทเสื้อผ้าไทย ผ้าไหม ชุดไทย และอีกหลายๆ ชุดจากห้องเสื้อร้านคนไทย แถมยังได้รับคำชมไม่ขาดปากจากชาวต่างชาติ ที่สำคัญได้แนะนำการไหว้ ถ่ายภาพกับชาวต่างประเทศ เป็นที่ระลึก รู้สึกปลาบปลื้มใจจริงๆ

“ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกฝ่ายที่เอ็นดูพวกเราและให้โอกาสมากมาย ทุกคนจึงทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจ และทำออกมาด้วยใจค่ะ การเป็นตัวแทนประเทศไปเผยแพร่วัฒนธรรมตลอดเกือบ 2 ปี มันคือที่สุดในชีวิตของกิ๊บแล้วค่ะ เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าในชีวิต ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว” น.ส.พิมชนก เผยความรู้สึก

ขณะที่ น.ส.เสาวลักษม์ ไชยศิริธญญา หรือ ลี่ รองนางสาวไทยอันดับ 2 เผยความรู้สึกว่า ตั้งแต่ได้รับตำแหน่งวันแรกเมื่อปี 2557 จนถึงวันนี้เกือบ 2 ปี ได้รับหลายๆอย่างกลับมาอย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะความรับผิดชอบ ความตรงต่อเวลา การช่วยเหลือตัวเองและคนรอบข้าง การเห็นถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ทำมากได้มาก ได้ในที่นี้หมายถึงทั้งประสบการณ์ ความภูมิใจของตัวเอง และยิ่งได้ไปปฏิบัตภารกิจที่ต่างประเทศยิ่งภูมิใจ เพราะเราคือตัวแทนของประเทศไทย ทุกๆครั้งชาวต่างชาติเห็นพวกเราใส่ชุดไทยเขาชอบ ชื่นชมและดีใจ ทุกๆประเทศภารกิจก็แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเดินแบบโชว์ผ้าไทย หรือรำแต่ละภาค หรือประเพณีต่างๆของไทยให้ชาวต่างชาติได้เห็น ทุกๆชาติล้วนชื่นชอบ จนถึงประเทศสุดท้ายที่เวียดนาม รู้สึกใจหายนิดๆ ที่จะไม่ได้ปฏิบัติภารกิจอีกแล้ว สรุปแล้วดีใจมากๆ ที่ได้รับตำแหน่งได้รับโอกาสต่างๆ จนยากที่จะลืมเลือน

เช่นเดียวกับ น.ส.พัชรวรรณ หุตะเศรณี หรือ ออน รองนางสาวไทยอันดับที่ 3 กล่าวว่า วันที่ 23 พฤศจิกายน 2557 เป็นวันที่ผู้ใหญ่ทุกท่านให้โอกาสเด็กคนนี้ มองเห็นถึงความสามารถของเด็กหน้าตาธรรมดาๆคนนี้ ให้ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของคณะนางสาวไทยประจำปี 2557 ขอขอบพระคุณมากๆ เป็นเกียรติมากๆ ประทับใจและดีใจมาก ตลอดระยะเวลาการทำงาน 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งงานในประเทศ ที่ไปปฏิบัติภารกิจหลากหลายจังหวัด ทุกๆคนให้เกียรติพวกเรา ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ยิ้มยินดีทุกครั้งที่เห็นคณะนางสาวไทย ปลื้มมากค่ะ

...

“ภูมิใจกับการไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศ ได้มีโอกาสไปด้วยกัน 4 คนที่ออสเตรเลีย และที่ได้ไปครบ 5 คน คือที่ีฟิลิปปินส์และเวียดนาม ดีใจมากตอนไปปฏิบัติภารกิจที่ฟิลิปปินส์ ออนได้เป็นคนจัดทำการแสดง ของคณะนางสาวไทย ขอบพระคุณผู้ใหญ่ที่มองเห็นความสามารถของออน ออนได้นำความรู้ความสามารถที่เรียนนาฏศิลป์มาสอนให้กับเพื่อนๆที่รำไม่เป็น จนสามารถรำได้ และชาวต่างชาติก็ชื่นชอบ ออนภูมิใจมากค่ะ ส่วนเวียดนามไปเดินแบบผ้าไทย ร่วมงานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และเป็นประเทศสุดท้ายก่อนอำลาตำแหน่ง และเป็นประเทศสุดท้ายที่ไป ครบทั้ง 5 คน คณะนางสาวไทย ถือเป็นความทรงจำที่ดี ที่ได้ปฏิบัติภารกิจทูตวัฒนธรรมจนสำเร็จ เป็นเกียรติกับตัวออนเอง รวมถึงครอบครัวออนด้วยค่ะ” น.ส.พัชรวรรณ กล่าว

ด้าน น.ส.ชานิกา (อาทิมา) เนตรทิพย์ หรือพิม รองนางสาวไทยอันดับ 4 เผยความรู้สึกว่า การที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในคณะนางสาวไทย และได้มีโอกาสไปปฏิบัติหน้าที่หลายจังหวัดและหลายสถานที่รู้สึกภาคภูมิใจ และเป็นเกียรติมาก ได้รับการต้อนรับดีมาก ทุกๆครั้งจะมีความสุขที่ได้ไปพบผู้คน ทุกคนที่รอพบจะมีแต่รอยยิ้ม และเขาตื่นเต้นที่ได้พบคณะนางสาวไทย

“การปฏิบัติภารกิจนางสาวไทยที่ต่างประเทศพร้อมกันครั้งแรกที่ฟิลิปปินส์ ผู้คนต้อนรับดีมากเลยค่ะ ครั้งนี้พิมและเพื่อนๆได้มีโอกาสมาเผยแพร่วัฒนธรรมไทย โดยการแสดงรำสี่ภาคและสงกรานต์ ให้ชาวต่างชาติได้ชมกันค่ะ พิมไปในช่วงเทศกาลสงกรานต์พอดี ถือว่าได้มาเล่นสงกรานต์์ที่ต่างแดน สนุกมากเลย ประทับใจมากเลยคะ เพราะเป็นครั้งแรกเลยที่พิมได้มีโอกาสมาปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ และประเทศสุดท้ายคือเวียดนาม ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ที่ต่างประเทศก่อนจะอำลาตำแหน่ง ได้เดินแบบผ้าไทยให้ชาวต่างชาติในนครโฮจิมินห์ได้ชม ทุกคนให้การต้อนรับดีมาก เขาดูตื่นเต้นและดีใจที่ได้พบพวกเรา นับเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ปฎิบัติหน้าที่พร้อมกันทั้ง 5 คน ของคณะนางสาวไทยที่ต่างประเทศ เป็นความทรงจำที่ดีและมีความสุขมากเลยนะคะ ที่ครั้งนึงเคยได้ปฏิบัติภารกิจ นางสาวไทยที่ถือว่าเป็นทูตวัฒนธรรมไทยซึ่งเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจของพิมมาก” น.ส.ชนิกา เผยความรู้สึก 

...


ส่วน นางสุวิสา สุวรรณลอย ผอ.ฝ่ายพัฒนาธุรกิจใหม่ บจ.อสมท ผู้มีบทบาทสำคัญในการดูแลคณะนางสาวไทย และประสานงานกิจกรรมต่างๆ กล่าวว่าในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และได้มีโอกาสทำหน้าที่คณะกรรมการกองดูแลนางสาวไทยประจำปี 2557 รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ทำหน้าที่อันทรงเกียรติ ได้มีโอกาสนำทีมคณะนางสาวไทยไปเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม ในฐานะทูตวัฒนธรรม ทูตการท่องเที่ยว และทูตการค้า ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในแต่ละครั้งที่ได้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่พร้อมกับคณะนางสาวไทย นอกจากความรู้สึกดีๆ ที่ดูแลน้องๆ แล้ว ยังมีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เวทีนางสาวไทย เป็นที่ รู้จัก สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่ง

“ดิฉันไม่เคยรู้สึกเหน็ดเหนื่อยในการได้ทำหน้าที่ดังกล่าว และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำหน้าที่จนถึงช่วงเวลาอำลาตำแหน่งของคณะนางสาว ไทยประจำปี 2557 ขอบคุณโอกาสในการได้เข้ามาเป็นคณะกรรมการกองดูแลนางสาวไทย 2557 ขอบคุณสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยฯ และทุก ๆ หน่วยงาน ที่ให้การสนับสนุนกองดูแลนางสาวไทยด้วยดีตลอดมา โดยเฉพาะขอบคุณดำฤทธิ์ วิริยะกุล จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่มีส่วนในการสนับสนุนผลักดันในทุกๆ กิจกรรมดังกล่าว” นางสุวิสา กล่าว

...