ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 19 พ.ค.59 ปิดที่ 1,385.86 จุด ลดลง 14.64 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 40,087.61 ล้านบาท
หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 303 บาท ลบ 8 บาท, IVL ปิด 30.25 บาท ลบ 1.50 บาท, JAS ปิด 4.60 บาท ลบ 0.14 บาท, PTTEP ปิด 75 บาท ลบ 2.50 บาท, CPALL ปิด 48 บาท ลบ 1 บาท
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงต่อเนื่อง โดยไร้ปัจจัยหนุนในประเทศ เน้นจับตาเศรษฐกิจโลก และทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า มีความเป็นไปได้ 32% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้ และมีความเป็นไปได้ 62% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย.หลังประเมินข้อมูลความเคลื่อนไหวในตลาดดอกเบี้ยพันธบัตรล่วงหน้า “ความเป็นไปได้นี้ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อเงินดอลลาร์มากขึ้นอีกครั้ง โดยมีประธานเฟดระดับเขตสองคนที่ให้ความเห็นชัดเจนว่าควรขึ้นดอกเบี้ย” นักค้าเงินที่ยูเอสฟอเร็กซ์ระบุ
บลูมเบิร์กยังรายงานว่า มูดี้ส์อินเวสเตอร์สเซอร์วิสได้ลดประมาณการการขยายตัวของจีดีพีสหรัฐฯปีนี้ จาก 2.3% เป็น 2% แต่คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะฟื้นตัวต่อเนื่องจนถึงปี 60 โดยขยายตัว 2.3%
ขณะเดียวกัน มูดี้ส์ยังคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างมากที่สุด 2 ครั้งในปีนี้ และเตือนว่า หนึ่งในปัจจัยที่น่ากังวลที่สุดคือการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่รุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดเงินตลาดทุน และอาจทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ ยังเตือนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอ่อนแอลงมากขึ้น และแนวโน้มเศรษฐกิจหลายประเทศยังคงไม่มีความแน่นอน
บล.เคทีซีมิโก้ ระบุว่า หุ้นไทยโดนกดดันอย่างรุนแรงในหุ้นพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงประกอบกับหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นมาสูงช่วงก่อนหน้า ทำให้นักลงทุนหันมาเทขายทำกำไร
ประเมินตลาดสัปดาห์หน้า มีโอกาสปรับตัวลงต่อเนื่อง จากความกังวลเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิ.ย. และแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ
แนะกลยุทธ์เก็งกำไรระยะสั้น จับตาดัชนีระดับ 1,380 จุด หากดัชนีฯหลุดกว่าระดับ 1,380 จุด แนะขายหุ้นในพอร์ต และถือเงินสดเพิ่มขึ้น!!
อินเด็กซ์ 51