วันเสาร์สบายๆวันนี้ไปคุยเรื่อง มหาเศรษฐีโลก กับ นักการเมือง สักวันนะครับ เศรษฐีนายทุนกับนักการเมือง ไม่ว่าประเทศไหนในโลก ล้วนมีสัมพันธ์แนบแน่นทั้งนั้น เพราะต้องพึ่งพากันและกัน นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นในทุกสังคม โดยเฉพาะสังคมไทย
วันก่อน นิตยสารฟอร์บส์สหรัฐฯ ประกาศผลการจัดอันดับ เศรษฐีพันล้านดอลลาร์ของโลกปี 2016 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,810 คน ลดลงจาก 1,826 คน มีเศรษฐีไทยติดอันดับถึง 16 คน
ผมขอแสดงความยินดีด้วยครับ มหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์ เมื่อคูณออกมาเป็นเงินบาทก็คือ 36,000 ล้านบาท รวยอันดับ 1 ของไทย เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี แห่งกลุ่มทีซีซี สัปดาห์ก่อนผมเพิ่งเขียนถึง “อาณาจักรล้านล้านของเจ้าสัวเจริญ” แต่ฟอร์บส์จัดให้อยู่ใน อันดับที่ 94 ของโลก ด้วยความมั่งคั่งเพียง 10,700 ล้านดอลลาร์ คูณด้วย 36 ก็ ประมาณ 385,200 ล้านบาท แซงหน้า เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ แห่ง เครือซีพี ที่ปีนี้หล่นไปอยู่ อันดับที่ 171 ด้วยความมั่งคั่ง 6,800 ล้านดอลลาร์ 244,800 ล้านบาท
ผมคิดว่า ข้อมูลมหาเศรษฐีไทยของฟอร์บส์อาจจะผิดพลาดอย่างกรณี เจ้าสัวเจริญ ที่ผมเพิ่งเขียนไปสัปดาห์ก่อน แค่เงินสองดีลที่ไปซื้อธุรกิจ เอฟแอนด์เอ็น 336,000 ล้านบาท บิ๊กซี 220,000 ล้านบาท ก็ปาเข้าไป 556,000 ล้านบาทแล้ว ยังไม่นับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เหล้า เบียร์และอื่นๆอีกมากมายไม่รู้กี่แสนล้านบาท
เจ้าสัวธนินท์ ก็เช่นเดียวกัน แค่สองดีลในอดีต ซื้อกิจการ แม็คโคร 188,880 ล้านบาท ซื้อหุ้น ผิงอัน ประกันยักษ์ใหญ่จีน 287,960 ล้านบาท ก็ปาเข้าไป 476,840 ล้านบาทแล้ว ถ้านับการประมูลคลื่น 1800 และ 900 หมาดๆอีก 116,090 ล้านบาท ก็เป็นเงิน 592,930 ล้านบาท ยังไม่นับธุรกิจอื่นในเครือซีพีอีกมากมาย
วันนี้ผมไม่ได้ตั้งใจเขียนเรื่องมหาเศรษฐีไทย เผอิญเรื่องพาไป แต่ตั้งใจจะเขียนเรื่องของ มหาเศรษฐีอันดับ 3 ของฟอร์บส์ปีนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ กับ โดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีอันดับ 324 ของฟอร์บส์ปีนี้ ซึ่งลงแข่งชิงเป็น ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ไปลงเลือกตั้งชิงตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปลายปีนี้
...
บัฟเฟตต์ ประกาศตัวสนับสนุน นางฮิลลารี คลินตัน ที่ลงชิงเป็น ตัวแทนพรรคเดโมแครต ไปชิงเก้าอี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เช่นกัน ทั้งคู่เพิ่งคว้าชัยชนะครั้งใหญ่ในการหยั่งเสียงเมื่อวันอังคารที่เรียกว่า ซุปเปอร์ทิวสเดย์ และมีแนวโน้มว่า ฮิลลารี คลินตัน จะได้เป็น ตัวแทนพรรคเดโมแครต และ โดนัลด์ ทรัมป์ จะได้เป็น ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯในปลายปีนี้
บัฟเฟตต์ ได้เขียนในสารประจำปี 2015 ของ บริษัท เบิร์กไชน์ ฮาธเวย์ ที่ส่งไปถึงผู้ถือหุ้น โจมตีการหาเสียงของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯว่า พยายามวาดภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯในทางเลวร้าย และพวกเขาเท่านั้นที่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ทำให้ชาว อเมริกันจำนวนมากเชื่อว่า ลูกหลานของเขาจะมีชีวิตที่ไม่สุขสบายเหมือนกับสภาพในปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้หาเสียงว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในสภาพที่มืดมน เขาหวังว่าฟองสบู่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะแตกก่อนที่เขาจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
บัฟเฟตต์ กล่าวว่า สิ่งที่นักการเมืองพยายามชูขึ้นมา เป็นภาพที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง เด็กที่เกิดมาในอเมริกาวันนี้ เป็นคนที่โชคดีที่สุดในประวัติศาสตร์ นักวิจารณ์บางคนไม่พอใจเศรษฐกิจสหรัฐฯที่โต 2% อยากเห็นจีดีพีโตมากกว่านี้ แต่ประชากรสหรัฐฯโตแค่ 0.8% การที่จีดีพีโต 2% รายได้ประชากรต่อหัวก็จะเพิ่มขึ้น 1.2% ตัวเลขนี้อาจดูไม่ค่อยประทับใจ แต่ในเวลาเพียงชั่วอายุคนหรือ 25 ปี อัตราการขยายตัวในระดับนี้จะสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 34.4% ของรายได้จีดีพีต่อหัว
ไม่ว่า นักการเมืองฝรั่ง หรือ นักการเมืองไทย ก๊อ สันดานเดียวกันหมด ชอบวาดภาพเศรษฐกิจให้เลวร้าย สร้างความหวาดกลัววิตกให้สังคม เพื่อปูทางสู่อำนาจ
แต่ สังคมอเมริกัน ดีอยู่อย่างคือ มีเสรีภาพในการเลือกข้าง เหมือนที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ประกาศเลือกข้าง ฮิลลารี คลินตัน ถ้าเป็นเมืองไทยมีหวังแบนทั้งคนทั้งธุรกิจ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”