ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 18 ก.พ.59 ปิดที่ 1,294.59 จุด เพิ่มขึ้น 6.12 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 46,993.39 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,245 ล้านบาท
หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 250 บาท บวก 7 บาท, PTTEP ปิด 66.50 บาท บวก 1.75 บาท, AOT ปิด 400 บาท บวก 4 บาท, PTTGC ปิด 53.75 บาท บวก 0.25 บาท และ SCC ปิด 430 บาท บวก 8 บาท
บล.โกลเบล็กประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูงมีปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบหน้า เดือน มี.ค. เนื่องจากกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันโลก ที่มีความคืบหน้าจากความร่วมมือของประเทศผู้ผลิตน้ำมันในการช่วยกันรักษาเสถียรภาพราคา
ส่วนปัจจัยที่กดดันหุ้นไทย คือ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ภาคเอกชนชะลอการลงทุน รวมทั้งการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศหลัก คือกลุ่มยูโรโซน ญี่ปุ่น จีน สวนทางกับสหรัฐฯ
ขณะที่ “ชัยยศ จิวางกูร” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็กประเมินว่าตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 10 มี.ค.นี้ รวมถึงแรงซื้อหุ้นเพื่อดักเก็งกำไรงบการเงินและปันผลปี 58 ที่ทยอยประกาศออกมา
คาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะแกว่งตัวในกรอบ 1,270-1,315 จุด แนะกลยุทธ์การลงทุนเลือกซื้อหุ้นรายตัว ในกลุ่มที่มีปัจจัยบวกและซื้อสะสมหุ้นที่งบการเงินเติบโตได้ดี แนะนำ FSMART-TVT-BEAUTY-EA-SYNEX-SPALI-ORI และ UBIS หุ้นกลุ่มที่มีปันผลสูง แนะนำ INTUCH-ADVANC- KTB และหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากธุรกิจเข้าสู่ช่วง High season คือการท่องเที่ยว ผนวกกับต้นทุนน้ำมันที่ปรับตัวลงแนะนำ AOT-BA และ AAV
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ “สุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ” นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก ระบุว่า ราคาทองคำเริ่มย่อตัวลงหลังปรับขึ้นแรงช่วงสัปดาห์ก่อน จากแรงขายทำกำไรหลังราคาทองปรับขึ้นมามาก บวกราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัว
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังปรับขึ้นจากการที่นักลงทุนคลายกังวลปัญหาสถาบันการเงิน หลังดอยช์แบงก์ประกาศจะเข้าซื้อคืนหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ของธนาคารจำนวนมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนลดการลงทุนในทองคำและกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง หรือตลาดหุ้นมากขึ้น!!
อินเด็กซ์ 51