บล.เอเซียพลัส ระบุว่าแม้ตลาดยังถูกกดดันจากราคาน้ำมัน แต่การที่ ครม.อนุมัติรถไฟฟ้าใต้ดินสีส้มเพิ่มเติม เปิดโอกาสให้ CK–ITD ที่มีประสบการณ์ตรง และน่าจะหนุนหุ้นก่อสร้าง SCC ด้วย
โดยระบุว่า หลัง รฟท.สรุปผลประมูลรถไฟทางคู่ช่วงถนนจิระ-ขอนแก่น ซึ่งกลุ่ม CK เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 23,444 ล้านบาท ขั้นตอนต่อไป จะเป็นการตรวจสอบเอกสารและต่อรองราคา ซึ่งเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน น่าจะเริ่มงานได้เลยไตรมาส 1 ปี 59 ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี ถือเป็นงานใหญ่ที่สุดของปีสำหรับ CK เพราะตั้งแต่ต้นปีได้งานใหม่เพียง 7,466 ล้านบาท ทำให้ backlog ของ CK แตะระดับ 1 แสนล้านบาทอีกครั้ง!!
นอกจากนี้ ครม.มีมติอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์ วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ระยะทาง 21.2 กม. วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะว่าจ้างบริษัทเอกชนมาทำการศึกษา และ ทำ TOR พร้อมเปิดประมูลได้ราว พ.ค.ปี 59 และเริ่มก่อสร้างได้กลางปี
คาดว่าผู้ที่มีคุณสมบัติในการประมูลยังคงเป็น 4 บริษัทเดิมคือ CK, ITD, STEC, UNIQ เนื่องจากจะมีสัญญาการว่าจ้างรวม 7 สัญญาจึงเป็นไปได้ที่ทุกรายจะได้งานอย่างน้อย 1 สัญญา แต่เชื่อว่า CK และ ITD ที่มีประสบการณ์สร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน (2 รายก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินรายละ 50% ของทั้งหมด) จึงเชื่อว่า 2 บริษัทมีโอกาสได้งานมากสุด
หาก CK ได้งานนี้เพิ่มอีกเพียง 1 สัญญา เมื่อรวมกับรถไฟ จิระ-ขอนแก่น เท่ากับงานใหม่ที่เกิดขึ้นปี 59 น่าจะเกินกว่าสมมติฐานที่นักวิเคราะห์เอเซียพลัส ประเมินไว้ขั้นต่ำปีละ 3.5 หมื่นล้านบาท ทำให้มีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการและ Fair Value ได้ในอนาคตอันใกล้
เบื้องต้นยังคงให้มูลค่าพื้นฐานหุ้น CK เดิมที่ 33 บาท ยังมี upside สูง 22% จากราคาปัจจุบัน รวมถึงเสถียรภาพของกำไรที่มีมากกว่ารายอื่นๆ จากส่วนแบ่งรายได้และเงินปันผลของบริษัทลูกที่มีเข้ามาสม่ำเสมอ โดยปี 59 เป็นต้นไป CK จะมีส่วนแบ่งกำไรจาก BEM (BECL+BMCL) ไม่ต่ำกว่า 750 ล้านบาท จากอดีตที่เคยรับรู้เพียงเงินปันผลจาก BECL ราว 375 ล้านบาท/ปี
นอกจากหุ้นก่อสร้างแล้ว คาดว่าหุ้นวัสดุก่อสร้างจะได้ประโยชน์ โดยชื่นชอบ SCC มากสุด โดยราคาตลาดมี upside กว่า 36% และ ยังคาดหวังเงินปันผลราว 3.33% และเป็นหุ้น market cap ใหญ่ที่อาจเป็นตัวเลือกของนักลงทุนสถาบันไทย หากมีการปรับลดหุ้น CPALL ออกพอร์ต!!
อินเด็กซ์ 51