ปลัดกระทรวง ในฝ่ายพลเรือนที่กำลังจะเกษียณอายุราชการ เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณนี้มีอยู่ 10 ตำแหน่ง เรียงตามลำดับกระทรวงคือ รังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง นรชิต สิงหเสนี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ วิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม คุรุจิต นาครทรรพ ปลัดกระทรวงพลังงาน วิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตำรวจเอกชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นคร ศิลปอาชา ปลัดกระทรวงแรงงาน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ อรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
การพิจารณาวางตัวคนขึ้นมาแทนเริ่มขึ้นแล้ว เปิดฉากที่ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งให้ กฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง ก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ นับเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์เป็นอย่างยิ่ง พร้อมกันนั้นยังมีการวางตัวอธิบดี 3-4 ตำแหน่งไปในคราวเดียว โดยให้ 3 รองปลัดกระทรวง และผู้ว่าฯที่มารักษาการรองปลัดกระทรวงลงไปเป็นอธิบดีในตำแหน่งที่ว่างพร้อมกันคือ ไมตรี อินทุสุต เป็น อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน จรินทร์ จักกะพาก เป็น อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ เป็น อธิบดีกรมที่ดิน ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต เป็น อธิบดีกรมการปกครอง สามคนแรกนั้นเหมาะสมลงตัวดี แต่รายสุดท้าย ต้องบอกตรงๆว่าน่ากระอักกระอ่วนพอสมควรสำหรับการผลักดันให้ ว่าที่อธิบดีอาทิตย์ ผู้มีพรรษาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง 1 ปี เป็นผู้ว่าฯปีเศษ และรักษาการรองปลัด ไม่กี่เดือนมานั่งเก้าอี้สำคัญที่สุดคือ อธิบดีกรมการปกครอง ต้องตอบคำถามของสังคมว่าเป็นเพราะคุณสมบัติพิเศษคือ สิงห์ดำ ใช่หรือไม่
ส่วน 4 รองปลัด ที่คัดมาจากผู้ว่าราชการจังหวัดอันประกอบด้วย ชยพล ธิติศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และ สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท นั้นมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นการวางหมากอันแยบยลของ ค่ายสิงห์ดำ ที่เตรียมปั้นคนในค่ายสำหรับสืบทายาทขึ้นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยในวาระต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเมื่อ ปลัดกฤษฎา เกษียณในอีก 2 ปีข้างหน้า หรืออาจจะลุกจากเก้าอี้นี้ไปสู่ตำแหน่งสำคัญด้านอื่นก่อน
...
จากเดิมที่มี ฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่เกษียณในปี 2564 เป็นตัวยืนรอจ่อคิวอยู่แล้ว ตอนนี้เสริมทีมคนหนุ่มคนเก่งอย่าง สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ที่เกษียณในปี 2567 เอาไว้เป็นตัวสำรอง รายนี้จะเก่งหรือไม่เก่งสมชื่อไม่รู้ได้ รู้แต่ว่าจบ จากโรงเรียนนายอำเภอ เป็น ปลัดอาวุโส รอคิวอยู่ดีๆ สามารถแปลงกายไปอยู่ในตำแหน่งระดับ 9 โดยไม่ต้องเป็นนายอำเภอ 8 นายอำเภอ 9 หรือปลัดจังหวัด เผลออีกทีเป็นรองผู้ว่าฯไม่กี่ปีก็ได้เป็นผู้ว่าฯสมใจ แถมยังสะสมแต้มประสบการณ์จังหวัดละนิดจังหวัดละหน่อยจากนครนายก สระบุรี ชัยนาท พรวดพราดมาจ่อคิวปลัดอีกคน
เคยเขียนอยู่เสมอว่า การแต่งตั้งในลักษณะนี้คนได้รับตำแหน่งแต่งตั้งตัวเองไม่ได้ เพราะฉะนั้น เวลาวิจารณ์ก็จะพุ่งเป้าไปที่ คนมีอำนาจแต่งตั้ง กับ คนชงเรื่อง เป็นสำคัญ ว่าฝ่ายแรกรู้เท่าทันเกมของฝ่ายหลังบ้างไหมหรือปล่อยๆ ไปให้มีการจูงจมูกกันได้ง่ายๆ
ที่จริงไม่ว่า สิงห์ดำ สิงห์แดง หรือสิงห์อื่นใดในกระทรวงมหาดไทยก็รู้จักรักใคร่ชอบพอ ไปจนถึงนิยมนับถือในฝีมือการทำงานกันแทบทุกคน แต่ไม่ใช่หมายความว่าเมื่อมีการกระทำที่ไม่งดงามหรือเอารัดเอาเปรียบคนอื่นแล้วจะต้องปิดปากเงียบ กระตุกกันบ้างไม่ได้ นั่นไม่ใช่วิถีทางของการทำงานที่นี่
“ซี.12”