ศึกยอดมวยแห่งศตวรรษ ระหว่าง ‘เดอะ มันนี่’ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ยอดนักชกอเมริกัน กับ ‘แพ็กแมน’ แมนนี ปาเกียว สุดยอดกำปั้นชาวฟิลิปปินส์ ณ เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ การ์เด้น อารีน่า นครลาสเวกัส รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทั้งคู่ชกกันจนครบทั้ง 12 ยก สุดท้ายจึงต้องตัดสินกันด้วยคะแนน ซึ่งผลคะแนนของกรรมการทั้งสามคน ตัดสินให้ ฟลอยด์ ชนะ ปาเกียว ไปด้วยคะแนน 118-110, 116-112 และ 116-112

หลังจากประกาศผลการตัดสิน ทำให้หลายคนที่นั่งลุ้นมวยหยุดโลกคู่นี้ถึงกับตกตะลึงที่ฟลอยด์ชนะขาดรอยจนเกินไป บ้างก็ว่าค้านสายตา และปาเกียวควรเป็นฝ่ายชนะเสียมากกว่า ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ต่อสายตรงไปยังอดีตนักชกยอดฝีมือแดนสยาม อย่าง เขาทราย แกแล็คซี่ อดีตนักมวยแชมเปียนโลก ฉายา ‘ซ้ายทะลวงไส้’ และ ร.อ.สมจิตร จงจอหอ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก ขวัญใจคนไทย วิเคราะห์เบื้องลึกเบื้องหลังศึกกำปั้นคู่นี้ว่า แท้จริงแล้วเป็นไฟต์การค้า ละคร หรือมีปมใดๆ แอบแฝง!

...

นักชกขวัญใจชาวไทย เชื่อมวยคู่สำคัญ โชว์ละคร รับตังค์ ต่อไฟต์ล้างตา
ร้อยเอกสมจิตร จงจอหอ ฮีโร่นักชกชื่อดังของไทย วิเคราะห์การชกไฟต์ล่าสุดระหว่าง “ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์” และ “แมนนี ปาเกียว” อย่างตรงไปตรงมาว่า หากดูจากเกมชกของคู่นี้ ตนมองว่า ฟลอยด์ คือ ผู้ชนะ เนื่องจากฟลอยด์ เป็นฝ่ายที่ฉลาดต่อย ซึ่งฉลาดต่อยในที่นี้ ก็คือ ต่อยให้กรรมการเห็นชัดๆ รวมทั้งฟลอยด์ยังมีศักยภาพในการชกเหนือกว่าปาเกียว ซึ่งในส่วนของปาเกียวที่หลายคนอาจมองว่า ปาเกียวต่อยเยอะ แต่กลับต่อยไม่ชัดเจนแจ่มแจ้งเท่าใดนัก ถึงจะต่อยมากครั้ง แต่โดนจังๆ อยู่ไม่กี่ครั้ง ซึ่งแตกต่างจากฟลอยด์ที่นานๆ ต่อยครั้ง แต่คมชัด และเป็นฝ่ายควบคุมปาเกียวได้ทั้งหมด 12 ยก

ขณะที่ ในส่วนของคะแนนที่เป็นเอกฉันท์นั้น สมจิตร นักมวยชื่อดังของเมืองไทย มองในเรื่องนี้ว่า คะแนนที่ฟลอยด์ชนะปาเกียวดูห่างจนเกินไป เมื่อเทียบกับการออกหมัดของทั้งสองฝ่าย ซึ่งอันที่จริงแล้วคะแนนไม่น่าจะเยอะถึงเพียงน้ี

โดยเกมการชกของทั้งคู่นั้น บอกได้เลยว่า ทุกยกออกมาไม่สนุกเลย มิหนำซ้ำยังทำให้คนดูที่เฝ้ารอไฟต์นี้มานานผิดหวังมากๆ ไม่ว่าจะเป็นฟลอยด์และปาเกียว ทั้งคู่ต่างระวังตัว ไม่กล้าออกหมัดและจะเกาะๆ กันๆ เสียเป็นส่วนใหญ่ ในเกมจึงเป็นเหมือนเป็นการขึ้นเวทีมาต่อยโชว์ให้คนดูเฉยๆ แต่ไม่ได้ต่อยกันอย่างจริงจัง ทั้งๆ ที่อันที่จริงแล้ว มวยคู่นี้ต้องมีหมัดและได้แผลกันไปแล้ว



“ผมมองว่าทุกอย่างของเรื่องราวนี้เป็นธุรกิจ ที่ถูกสร้างขึ้น โดยนักมวยที่ต่อยด้วยค่าตัวสุดแสนมหาศาล สร้างโดยโปรโมเตอร์ที่มีหน้าที่ควบคุมทุกอย่าง แต่ละฝ่ายร่วมมือกันสร้างละครออกมาหนึ่งเรื่องให้คนดูติดตาม หากเรื่องนี้ไม่สนุก ทุกฝ่ายก็ยังสามารถจับมือกัน เพื่อสร้างภาคต่อหรือไฟต์ต่อไปที่จะเป็นนัดล้างตาได้อีก ดังนั้น จึงจะส่งผลสืบเนื่องให้นักชกทั้งคู่มีค่าตัวสูงขึ้น และในฟากของโปรโมเตอร์ก็รับทรัพย์มากขึ้นอีกด้วย เพราะมีคนรอชมเป็นจำนวนมากไปอีก” เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก มองจากประสบการณ์



ทั้งปาเกียว และฟลอยด์ เดินเกมไม่สนุกอย่างที่หลายคนคาดการณ์กันเอาไว้ อย่าง ปาเกียว ก็เดินได้ไม่เต็มที่ เดินเข้าๆ ออกๆ อยู่อย่างนั้น ส่วนฟลอยด์ก็ต่อยน้อย และหลบหลีกเสียเป็นส่วนใหญ่ และที่สำคัญ หากกรรมการจะตัดสินให้ฟลอยด์ ที่มีฉายาว่า นักชกไร้พ่าย เป็นฝ่ายแพ้ในบ้าน ก็คงจะไม่เหมาะนัก เพราะฉะนั้น ผลลัพธ์ของเกมชกในครั้งนี้จึงออกมาอย่างที่เห็น 


...

สงสารปาเกียว! รอบข้างคนของฟลอยด์ทั้งสิ้น
เขาทราย แกแล็คซี่ แสดงความเห็นว่า ระหว่าง ฟลอยด์ กับ ปาเกียว ใครจะชนะก็ได้ แต่สงสารปาเกียวที่ต้องชกกับฟลอยด์ และต้องสู้กับกรรมการ ซึ่งอาจจะเข้าข้างฟลอยด์บ้าง เช่น ฟลอยด์ไปกดหัว รัดคอ แต่กรรมการกลับไม่เตือน ซึ่งปกติต้องบอกต้องเตือนอาจจะตัดคะแนนด้วยก็ได้ เพราะว่าฟลอยด์กดปาเกียวบ่อยมาก อีกทั้ง การที่ฟลอยด์ ชนะคะแนนห่าง ปาเกียว ดูน่าเกลียดเกินไป ซึ่งในทำนองเดียวกัน ปาเกียวไปชกต่างถิ่นต่างบ้าน ถ้าไม่ทำให้คู่แข่งน็อกโอกาสชนะยาก

สำหรับ ไฟต์ล้างตาก็ไม่ทราบว่าจะมีหรือไม่ แต่มองว่า ฟลอยด์ ชกครั้งนี้ไม่ค่อยสมศักดิ์ศรีเท่าไร เพราะว่าถ้าเป็นนักสู้ที่แท้จริง ต้องไม่ใช้ลูกตุกติก ไม่เป็นเกมที่ไม่สะอาด ถ้าเป็นลูกผู้ชายต้องไม่ทำอย่างนั้น อีกทั้ง ฟลอยด์เองก็เอาแต่หนี ซึ่งต้องสู้บ้าง ออกหมัดแลกกันบ้าง อย่างน้อยๆ จะได้สมศักดิ์ศรีสมราคาค่าตัว

“สำหรับผมไฟต์นี้ดูแล้วไม่สนุก เพราะว่า ฟลอยด์ เอาแต่หนี ไม่มีแลก ส่วนปาเกียว ก็เอาแต่บุกลุย และทำให้เสียเปรียบฟลอยด์ พวกมวยแบบนี้คนตั้งหลักมักจะได้เปรียบ” เจ้าของฉายาซ้ายทะลวงไส้ ทิ้งท้าย.