เล่นเอาตกอกตกใจกันไปทั้งโลก กับพาดหัวตัวใหญ่เบ้งบนปก “GLOBE” แท็บลอยด์ดังของมะกัน “อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน” กำลังจะตาย...สุดช็อกผลตรวจเลือดเอดส์!! โดยแหล่งข่าววงในยืนยันว่า ผู้นำทำเนียบขาวจอมเจ้าชู้ได้แอบย่องไปตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี หลังรู้ข่าวกิ๊กสาวรายหนึ่งป่วยตายเพราะเป็นเอดส์ กระนั้น เรื่องนี้ถูกปกปิดเป็นความลับสุดยอดไม่ให้ภรรยาล่วงรู้ และเจ้าตัวกำลังลุ้นอยู่ว่าจะมีชีวิตรอดทันได้อุ้มหลานคนแรกหรือไม่ ส่วนจะเป็นเรื่องจริงหรือใส่ไข่เว่อร์ ก็ต้องติดตามข่าวใกล้ชิดกันต่อไป

ทั้งๆที่เป็นเรื่องลับสุดยอด แต่ข้อมูลความเจ็บป่วยของผู้นำโลก ก็ยังหลุดรอดมาถึงมือสื่อจนได้ การจะล้วงข้อมูลลับขนาดนี้คงทำไม่ได้ง่ายๆ ถ้าขาดแฮกเกอร์มือระดับพระกาฬ!!

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอกย้ำถึงอันตรายของภัยร้ายรูปแบบใหม่ที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) เพิ่งออกมาเตือนโรงพยาบาล, ศูนย์การแพทย์ต่างๆทั่วอเมริกา และสำนักงานระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้ระวังภัยมืดจากการแฮกข้อมูลคนไข้ไปขายในตลาดมืด ซึ่งเป็นช่องทางใหม่ในการหาเงินเข้ากระเป๋าของพวกหัวขโมยไฮเทค ที่สร้างรายได้มากกว่าการฉกข้อมูลในบัตรเครดิตหลายเท่าตัว โดยแฮกเกอร์หัวเซงลี้ที่ตามกลิ่นเจอเป็นคนเชื้อสายจีนซะด้วย

ผลจากการสืบสวนสอบสวนของเอฟบีไอยังเปิดเผยว่า ภายในเวลาไม่กี่เดือน พวกแฮกเกอร์เลือดมังกรเหล่านี้สามารถบุกเจาะเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของวงการบริการทางการแพทย์และระบบประกันสุขภาพในอเมริกา ฉกข้อมูลส่วนตัวของคนไข้ไปหากินได้มากถึง 4.5 ล้านคน

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงธุรกิจบริการทางการแพทย์ และระบบประกันสุขภาพ “เดฟ เคนเนดี้” คอนเฟิร์มว่า อาชญากรไซเบอร์ยุคใหม่กำลังค้นพบช่องทางใหม่อันโอชะในการหาเงินก้อนโต โดยพุ่งเป้ามาที่อุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์เป็นหลัก เพราะนอกจากจะเป็นอุตสาหกรรมที่มีเม็ดเงินโคตรมหาศาล ยังมีระบบคอมพิวเตอร์ล้าสมัยถูกเจาะข้อมูลได้ง่าย ที่สำคัญสามารถนำข้อมูลลับของคนไข้ไปต่อยอดทำมาหากินได้ต่อเนื่องอีกหลายทอด

...

ข้อมูลที่กลุ่มมิจฉาชีพต้องการก็คือ ข้อมูลส่วนตัวของคนไข้ ประเภทชื่อนามสกุล, วันเดือนปีเกิด, เลขประกันสุขภาพ, เลขประกันสังคม, อาการป่วย, โรคประจำตัว และวงเงินค่ารักษาพยาบาล โดยพวกแฮกเกอร์จะขายข้อมูลให้ตลาดมืดอีกทอดหนึ่ง เพื่อนำไปฉกฉวยประโยชน์เข้ากระเป๋า นอกจากการขายข้อมูลลับของคนดังๆให้สื่อ พวกกลุ่มมิจฉาชีพยังนิยมนำข้อมูลคนไข้มาสร้างไอดีปลอม เพื่อขอเบิกยาและอุปกรณ์การแพทย์จากระบบประกันสุขภาพ แล้วนำมาขายทอดตลาดในราคาถูก บางรายหัวใสกว่าก็อาจสร้างไอดีปลอมเพื่อทำเรื่องเบิกเงินเคลมประกัน กว่าที่คนไข้หรือประกันจะรู้ตัวว่าถูกหลอก ก็โดนสูบเงินไปหลายปีแล้ว ความเสียหายหนักกว่ากรณีถูกขโมยข้อมูลบัตรเครดิตหลายเท่า เพราะเหยื่อบัตรเครดิตมักจะรู้ตัวเร็ว และแค่ยกหูแจ้งธนาคารกริ๊งเดียว ธนาคารก็จะระงับการใช้บัตร และออกตามล่าไอ้ตีนแมว

สังคมยุคนี้อันตรายรอบตัวจริงๆ ขนาดคนเจ็บป่วยไปหาหมอ พวกโจรไฮเทคยังจ้องเล่นงาน นับประสาอะไรกับพวกดาราที่ถูกแฮกรูปโป๊ในมือถือ ไอ้ลูกลิงพวกนี้ ถ้ารู้จักใช้ความฉลาดในทางที่ถูกที่ควร ประเทศชาติคงเจริญขึ้นเยอะ.

มิสแซฟไฟร์