เลยๆไป 1,500 จุด!!

สัปดาห์นี้ บล.โนมูระพัฒนสิน ออกบทวิเคราะห์ล่าสุดปรับเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ขึ้น จากเดิมที่ประเมินว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 1,474 จุด สู่ระดับ 1,550 จุด โดยช่วงครึ่งปีหลังนี้ดัชนีจะแกว่งตัว ในกรอบ 1,420– 1,550 จุด (มี Worst Case หรือความเสี่ยงขาลงอยู่ที่ 1,400 จุด)

และหุ้นในกลุ่ม Domestic จะเป็นกลุ่มที่ Outperform นำตลาดขึ้น โดย Key of Multiple Unlocks ที่จะเป็นแรงกระตุ้นให้ตลาดหุ้นครึ่งปีหลังปรับขึ้น คือ 1.ความเสี่ยงการเมืองผ่อนคลายลงในช่วง 12-15 เดือนนับจากนี้

2. เศรษฐกิจไทยเข้าสู่จุดฟื้นตัว 5-6 ไตรมาสติดต่อกัน หลังพ้นภาวะสุญญากาศการเมือง และการเบิกจ่ายเงินภาครัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกลับมาอีกครั้งบวกกับแรงคาดหวังของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ คสช. ล่าสุด สนข.กับคลัง เตรียมเสนอแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้าน บวกกับฐาน GDP ก่อนหน้าที่โตต่ำกว่าระดับศักยภาพ

3.สัญญาณสิ้นสุดการปรับลดคาดการณ์กำไรตลาด (Market EPS) ของ Consensus หลังก่อนหน้านี้มีการปรับลดกำไรตลาดต่อเนื่องกว่า 1 ปีเศษ เนื่องจากความเสี่ยงการเมืองสิ้นสุดลงและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น จะหนุนการปรับกำไรตลาดขึ้น โดยเฉพาะ EPS ปี 58 หากแผนลงทุนภาครัฐชัดเจน 4. แนวโน้มนโยบายการเงินผ่อนคลายรอบใหม่ นำโดย QE ของธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางญี่ปุ่น ที่ช่วยกระตุ้น Fund Flow ไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดเกิดใหม่สูงขึ้น

และ 5.นักลงทุนต่างชาติมีสถานะถือครองหุ้นไทยต่ำสุดในรอบ  5 ปี ที่ 32.3% ช่วยจำกัด Downside โดยคาดว่า Fund Flow จะเริ่มไหลเข้าไทย หากมีแผนการลงทุนที่ชัดเจน รวมถึงความชัดเจนของการตั้งรัฐบาลรักษาการ โดยหากอิงการไหลเข้าของ Fund Flow ขั้นต่ำที่ 2.2 หมื่นล้านบาท จะหนุนหุ้นไทยขยับขึ้น ไปซื้อขายที่ PER สูงขึ้น ราว 0.5X และถ้า Fund Flow ไหลเข้าเฉลี่ย 6.5 หมื่นล้านบาท จะหนุน PER ซื้อขายสูงขึ้นได้อีก ราว 2.1 เท่า

ขณะที่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) มองแนวโน้มหุ้นไทยเดือน ก.ค. ปรับขึ้น และอาจขึ้นสู่ระดับ 1,600 จุดได้ตั้งแต่เดือน ก.ค.เป็นต้นไป แนะลงทุนหุ้นที่ได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว ได้แก่ วัสดุก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์

ส่วน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งให้เป้าดัชนีหุ้นสัปดาห์นี้ ที่ 1,500 จุด ผลักดัน โดยกลุ่มธนาคาร ICT และที่อยู่อาศัย โดยเมื่อตลาดเริ่มขยับใกล้เป้าหมายที่ 1,480-1,500 จุด ให้เริ่มขายทำกำไรและถือเงินสดมากขึ้น หากต้องการเก็งกำไร ควรจำกัดวงเงิน และเน้นหุ้นขนาดกลาง มากกว่าหุ้นหลักที่อาจเผชิญกับแรงขายจากกองทุนในประเทศ หลังจบ Window Dressing

กลยุทธ์ลงทุนช่วงสั้น แนะ “ทยอยสะสม” ADVANC และ BBL!!

อินเด็กซ์ 51