ดัชนีหุ้นวันที่ 25 มี.ค.57 ปิดที่ 1,354.01 จุด เพิ่มขึ้น 4.11 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 23,731.26 ล้านบาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาดระยะสั้น คาดดัชนีแกว่งตัวกรอบแคบ ให้แนวรับไว้ที่ 1,350 จุด หากหลุดไปนอนรอโน่นเลย 1,330 จุด ทำให้ตลาดหุ้นไทยจะเป็นขาลงชัดเจน แต่ในทางกลับกันหากดัชนีปรับตัวขึ้นไปที่แนวต้าน 1,380 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิม มองว่าจะเป็นช่วงขาขึ้นต่อ แนะกลยุทธ์การลงทุนให้เข้าซื้อเมื่อตลาดอ่อนตัว ในหุ้นที่มีปันผลดี และหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการเมืองน้อย เช่น MC, VGI, EA, GLOBAL, BJCHI และ SRICHA แถมบอกให้นักลงทุนเลิกกังวล
เลิกใส่ใจการเมือง เอาเวลาไปศึกษาหุ้นรายตัวที่พื้นฐานดี ธุรกิจยังโตได้ดี แถมมีปันผลงาม ถ้าอ่อนตัวก็เป็นจังหวะเข้าซื้อสะสม ส่วนการนัดชุมนุมใหญ่ของ กปปส. 29 มี.ค. เชื่อว่าเหตุการณ์คงไม่เลวร้ายไปกว่าเดิม และราคาหุ้นหรือตลาดได้ตอบรับปัจจัยการเมืองในประเทศไปมากแล้ว
มีข่าว “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” กรรมการผู้จัดการ บล.ซีแอลเอสเอ หั่นเป้าดัชนีปีนี้เหลือ 1,290 จุด จาก 1,480 จุด ส่วนกำไร บจ.ลดลงเหลือโต 11% จากเดิม 14-15% แนะรอซื้อหุ้นที่ดัชนีระดับ 1,270 จุด คิดเป็นพี/อีระดับ 10.5 เท่า เห็นว่าระยะสั้นดัชนีมีโอกาสปรับลงมาต่ำกว่า 1,300 จุด มีมากกว่าที่จะขึ้นไปยืนเหนือ 1,400 จุดได้ เนื่องจากเม็ดเงินต่างชาติยังไหลออกจากการที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลถาวรได้
ส่วนหุ้นน่าซื้อเชียร์กลุ่มส่งออกอาหาร สื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น CPF, HANA, SVI และ DELTA ที่ยังสามารถส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรปได้ดี รวมทั้ง INTUCH และ ADVANC เนื่องจากมีกระแสเงินสดค่อนข้างสูงและมีการจ่ายปันผลที่ดี และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เช่น HEMRAJ และ AMATA ที่ราคาปรับตัวลงมาต่ำกว่าราคาพื้นฐาน
ปิดท้าย ให้กำลังใจ “วรวรรณ ธาราภูมิ” ทันทีที่ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) คนใหม่เครื่องร้อนบอกเตรียมหารือกรมสรรพากรถึงสิทธิประโยชน์ภาษีกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะหมดลงปี 59 เพราะ LTF มีบทบาทต่อตลาดทุนไทยมาก มีเม็ดเงินในระบบมากถึง 200,000 ล้านบาท หากไม่มีการขยายเวลาลงทุนออกไป อาจสร้างความผันผวนให้ตลาดมาก นอกจากนี้ยังมีนโยบายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ด้านอื่นๆด้วย!!
อินเด็กซ์ 51