ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,304.21 จุด เพิ่มขึ้น 0.23 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 21,080.22 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 443.65 ล้านบาท
หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด ADVANC ปิด 210 บาท ลบ 1 บาท, JAS ปิด 7.70 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, INTUCH ปิด 72 บาท ลบ 0.25 บาท, AOT ปิด 184 บาท บวก 1 บาท และ PTTEP ปิด 153 บาท บวก 1.50 บาท
บล.ทิสโก้ มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้ามีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงซื้อเพื่อรับเงินปันผล และมองแนวโน้มว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 12 มีนาคม อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งเป็นผลบวกต่อตลาดในภาพรวม โดยเฉพาะต่อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ยังคงมีปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ทางการเมือง
แนะกลยุทธ์การลงทุน แนะเลือกซื้อหุ้นรายตัว เน้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น QH, AP และ LH รวมทั้งหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้ผลดีจากการส่งออกจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว นำโดย DELTA, HANA, KCE และหุ้น NYT ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 1,295 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,320 จุด
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองตลาดสัปดาห์หน้า ให้น้ำหนักการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.และ ม็อบชาวนา และกรณีที่ ปปช.เรียกรักษาการนายกรัฐมนตรีมารับทราบข้อกล่าวหา กรณีทุจริตการขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในวันที่ 27 ก.พ.นี้ รวมถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญให้คู่ความส่งคำแถลงปิดคดี พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
ทั้งนี้ ประเมินว่าตลาดสัปดาห์หน้ายังมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลง และมีโอกาสรีบาวน์ขึ้น แต่อยู่ในกรอบจำกัด หากดัชนีทรงตัวได้ที่บริเวณ 1,300 จุด มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับขึ้นได้อีก มีแนวต้านถัดไปที่ 1,330-1,350 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,260 จุด
แนะกลยุทธ์การลงทุน หากลงทุนระยะสั้น แนะเลือกหุ้นที่ผลประกอบการดีปันผลเด่น เลือกหุ้น BCP และ TVO
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองไม่มีความรุนแรง ตลาดมีโอกาสดีดกลับรีบาวน์ขึ้นมาได้ หลังเริ่มทรงตัว แต่ยังต้องระวังแรงเทขายทำกำไรในสัปดาห์หน้าด้วย แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ถือหุ้นต่อ หลังมองตลาดรีบาวน์ เน้นหุ้นพื้นฐานดี ด้านเทคนิคให้แนวรับ 1,300-1,296 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,320-1,350 จุด.
อินเด็กซ์ 51